ต่อจากลิงก์นี้ :: https://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1015157&chapter=109
“ใจคอจะให้พี่ใช้มือจริง ๆ เหรอ”
“อืม”
“มือเราได้ไหม ...แบบนี้” ดวงหน้าซึ่งกำลังแดงก่ำร้อนผ่าวขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อคนลามกจับมือข้างหนึ่งของเขาสอดเข้าไปในกางเกง
มินซอกพยายามชักมือกลับเพราะความขลาดอาย แต่อีกฝ่ายกลับรั้งไว้เหมือนอยากให้รู้ว่าตอนนี้ไอ้นั่นกำลังตื่นตัวเร็วแค่ไหน
“อา... เสียวจัง”
“หยุดส่งเสียงน่าเกลียดสักที... นะ... นี่! ลู่หาน!” ขนกายลุกซู่กับความแข็งขืนที่อยู่ในมือ
อีกทั้งลมหายใจร้อน ๆ ของผู้ชายบ้าบอที่จงใจผ่อนรดลงบนซอกคอเขา ลู่หานหอบหายใจเหมือนคนวิ่งรอบโลกมาสิบรอบ
ซุกจมูกลงบนซอกคออุ่น ๆ แล้วแกล้งงับลงไปเบา ๆ
“ขยับสิเปาจื่อ...”
“...”
ใช้เวลาคิดเงียบ ๆ
มาหลายวันว่าถ้าลู่หานต้องการเรื่องแบบนี้เขาก็คงยอมให้
แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังอายเหมือนเป็นครั้งแรก
ซึ่งอาจเป็นเพราะคิมมินซอกห่างหายมันมานานเกินไป มือที่อยู่ในกางเกงนั้นจึงสั่นเทา
มันทั้งอึดอัดเพราะความคับแคบและใจเต้นแรงแปลก ๆ
“ใครจะขยับได้...”
“งั้นถอดกางเกงเลยนะ?”
“เรื่องแบบนี้ต้องขอด้วยหรือไง
ทำไมต้องทำให้อายทุกทีเลยนะ”
“ถ้าไม่ให้ขอจะได้จัดหนักเลย”
“...” มินซอกอยากเป็นบ้าตายกับคนหื่นที่กำลังก้มหน้าก้มตาปลดหัวเข็มขัดและประคองร่างเขาให้ลุกขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะถอดกางเกงออก
คนตัวเล็กยังคงอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี แต่มาถึงขั้นนี้แล้วลู่หานคงไม่หยุดง่าย ๆ
แน่
และลึก ๆ แล้วตัวเขาเองก็ไม่อยากหยุดเหมือนกัน
ลู่หานเอนหลังพิงกับเบาะอย่างผ่อนคลายทันทีที่มืออุ่น
ๆ ของคนตัวเล็กสัมผัสกับลูกชายของเขาที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่
ความรู้สึกหลังจากถูกมือของมินซอกสัมผัสมันต่างจากมือของตัวเองอย่างกับฟ้าเหว
เขารู้สึกดีเสียจนอยากปลดปล่อยเดี๋ยวนี้ ซึ่งชายหนุ่มอยากยืดเวลาออกไปสักหน่อย
ใบหน้าน่ารักกำลังก้มลงใช้มือทำอย่างขะมักเขม้น
มีบางครั้งที่เงยหน้าขึ้นมาดูว่าตอนนี้คนถูกปรนเปรออย่างเขากำลังรู้สึกยังไง
ซึ่งภาพที่เห็นตอนนี้ช่างน่าเอ็นดูจนสมองมันสั่งการว่าอยากเห็นมินซอกอยู่ในภาพลามกมากกว่านี้
อยากเห็นเจ้าของใบหน้าเย็นชาตอนใช้ปาก
อยากเห็นตอนขย่มบนตัวเขา อยากเห็นตอนครางเหมือนจะขาดใจ
“เปาจื่อ...”
“อะ... อะไร”
“อยากให้พี่กอดเราไหม?”
“...” คนขี้เขินไม่ยอมตอบ
และยังคงก้มหน้าก้มตาขยับรูดส่วนแข็งขืนอย่างตั้งใจเหมือนว่าคำพูดของเขาเป็นเหมือนลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น
“ถ้าไม่พูดพี่จับแก้ผ้านะ...”
ในเมื่อไม่ยอมตอบ ลู่หานก็จะทำให้อะไร ๆ มันง่ายขึ้น
ชายหนุ่มกระซิบข้างหูพร้อมกดจมูกลงบนพวงแก้มขาวฟอดใหญ่ ปิดท้ายด้วยจูบเบา ๆ
ซึ่งส่งผลให้สองมือที่กำลังขยับรูดหยุดนิ่ง
เขาจึงจัดการเปลื้องผ้าอีกฝ่ายตามประสาโจรย่องเบาที่ทำอะไรอย่างแนบเนียนเสมอ
เพียงครู่เดียวร่างขาวเนียนก็เผยให้เห็นกับตา
นานแค่ไหนแล้วที่เขาอยากเห็นมินซอกในสภาพแบบนี้แต่ก็ทำได้แค่จินตนาการระหว่างช่วยตัวเอง
หนุ่มหน้าตี๋มองอีกฝ่ายที่ยกมือขึ้นปิดเรือนร่างตนเองอย่างขลาดอาย
เขาจึงคว้าข้อมือเล็กนั้นไว้แล้วโน้มหน้าลงไปเลียยอดอกที่กำลังล่อตาล่อใจ
“...!!!”
มินซอกหลับตา สองมือกำแน่นนั่งตัวแข็งเป็นหินเมื่อถูกริมฝีปากอุ่น
ๆ รุกรานอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยอดอก ซอกคอ หรือใบหู
ลู่หานกำลังใช้ริมฝีปากช่างพูดนั้นแสดงความเป็นเจ้าของทุกสัดส่วนในเรือนร่างของเขาทั้งหมดแล้ว
พื้นที่แคบบนรถกลายเป็นสนามรัก
หนุ่มหน้าตี๋ประคองร่างเปลือยเปล่าของคนตัวเล็กให้นอนหงายบนเบาะคนขับ
พร้อมมองความขาวสะอาดและดวงตาเฉี่ยวคมของคนใต้ร่างอย่างหลงใหล
เขาทนมานานขนาดนี้ได้ยังไง ลู่หานถามตนเองในใจอย่างนั้น
และยิ่งเห็นว่ามินซอกสอดแขนเข้าใต้ขาพับตนเองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
จนเผยให้เห็นช่องทางด้านหลัง คนลามกที่หมกมุ่นมานานจึงสติกระเจิดกระเจิงไม่เหลือชิ้นดี
“ทำแบบนี้ระวังเจ็บตัวนะเปาจื่อ
พี่ไม่ยอมหยุดแค่รอบเดียวแน่”
“อืม” ดวงหน้าสีระเรื่อขานตอบทั้งที่ไม่สบตากัน
“เพราะถ้ากลับไปก็คงทำไม่ได้แล้ว”
“ทำไมล่ะ” ลู่หานกระซิบถามพร้อมจูบขมับอย่างออดอ้อน
ถ้ามันเป็นโอกาสเดียวก็คงจะน่าใจหายเกินไปแล้ว มินซอกไม่ได้ยอมทำเพราะเราคิดถึงกันจนแทบบ้าหรอกเหรอ
“หรือคุณจะทำตอนที่คนอื่นอยู่ด้วย
ผมไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนคุณนะ...”
ผิดคาดว่ะ...
คำตอบของมินซอกกำลังเปิดโอกาสให้เขาอยากหื่นกามเมื่อไหร่ก็ได้ขอแค่หยิบกุญแจแล้วบึ่งรถออกมาข้างนอก
หนุ่มหน้าตี๋ยิ้มกริ่มอย่างลามก ก่อนจะหน้าหันไปอีกทางเพราะถูกมือเล็ก ๆ ตบเข้าให้
“อื้อหือ โหดยันนาทีสุดท้าย”
“คุณก็ชอบทำแบบนี้ ต้องให้ผมอายจนตายใช่ไหมถึงจะพอใจ”
“ทำเป็นพูดดี เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการตายคืออะไร”
ลู่หานแค่นหัวเราะก่อนจะถุยน้ำลายใส่มือตนเองแล้วขยี้ ก่อนจะค่อย ๆ
สอดนิ้วเข้าไปเบิกทาง “...นี่แหละที่เรียกว่าตาย”
คนถูกกระทำนิ่วหน้าเจ็บ
เกร็งปลายเท้าหอบฮักเมื่อคนลามกงอนิ้วพร้อมกระแทกเข้าออก
ลู่หานโน้มหน้าลงไปจูบซับน้ำตาที่ไหลจากหางตาซึ่งเกิดจากความเจ็บปวด
ก่อนจะจูบบดขยี้ริมฝีปากน่ารักนั้น ทั้งทะนุถนอมและหื่นกระหายในเวลาเดียวกัน
ขอโทษด้วยที่ลู่หานไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนที่จะยอมค่อยเป็นค่อยไป
เขารอมานานเหลือเกินจนอยากฟัดมินซอกให้จมเบาะรถเต็มทีแล้ว
“อะ... อื้อ... อื้อ!”
ชายหนุ่มถอนนิ้วออกพร้อมประคองร่างที่กำลังสั่นเทาให้ลุกขึ้นยืนเข่าหันหน้าเข้าหาเบาะคนขับ
มินซอกเกาะพนักพิงศีรษะไว้พร้อมซบหน้าลงไปราวกับลูกแมวโดนแกล้ง
คนตัวเล็กหันไปมองอีกคนที่กำลังพยายามหาพื้นที่ให้ตนเองในที่แคบโดยยังเสื้อผ้าอยู่ครบ
และเพียงครู่เดียวเท่านั้นมินซอกก็รู้สึกได้ถึงแก่นกายอุ่น ๆ
ที่เคยถูกงัดออกมาจากเป้ากางเกง ก่อนมันจะถูกับร่องสะโพกของเขาราวกับว่าจงใจปั่นหัว
“ชักอยากรู้แล้วสิ
ว่าที่เรากำลังสั่นเป็นเพราะกลัวหรือเพราะทนรอไม่ไหวแล้วกันแน่...”
“...หุบปาก” คนตัวเล็กเสียงสั่นเพราะสัมผัสจากคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง
และน้ำเสียงที่กระซิบกลั่นแกล้งอยู่ข้างใบหู
ท่อนกายแข็งขืนที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการค่อย ๆ
ดันเข้ามาในช่องทางที่ขาดหายจากเรื่องอย่างว่ามานาน มินซอกนิ่วหน้า
จิกเล็บลงบนเบาะคนขับพลางกัดริมฝีปากล่างกับความรู้สึกมากมาย
และเพียงชั่วอึดใจเดียวท่อนกายทั้งหมดก็ถูกดันเข้ามาจนสุด
“อะ... อา...”
“รัดซะแน่นเลยนะ เสียวเหรอ”
“ห้ามพูด...”
“ว่าไงนะ? แรง ๆ?”
“อะ... อ๊า! ไม่ใช่... อะ... อา! ลู่ -- ลู่หาน! ตรง...
ตรงนั้น... อา... ไม่ไหว... เร็วไป! อ๊า!”
มินซอกครางเสียงหลงเหมือนคนจะขาดใจ
เมื่อคนนิสัยไม่ดีกำลังไสกายเข้าหาช่องทางด้านหลังของเขาอย่างหนักราวกับว่าความอดอยากทุกอย่างถูกระบายออกมาในวินาทีนี้
ใบหน้าที่ใครก็ว่าหวานกำลังเกยคางลงบนไหล่เล็ก
พร้อมกระซิบคำลามกบอกให้รู้ว่าตอนนี้คิมมินซอกกำลังตอดรัดแก่นกายของลู่หานแน่นแค่ไหน
ข้างในเร่าร้อนยังไง
ขมิบรัดจนได้ยินเสียงน้ำหล่อลื่นน่าเกลียดเท่าไหร่
ลู่หานเอาแต่พร่ำบอกและจูบซอกคอของเขาไปด้วย
แท่งร้อนแข็งขืนยังคงกระแทกหาความสุขสมไม่หยุด
รถยนต์ที่จอดอยู่กลางถนนกำลังสั่นและโยกไหวไม่เป็นจังหวะแข่งกับคนถูกกระทำที่ครางกระเส่าจนไม่เป็นภาษา
ชายหนุ่มสอดสองนิ้วเข้าไปในโพรงปากอุ่นกึ่งบังคับให้คนตัวเล็กเลียมันราวกับเป็นท่อนเอ็นที่กำลังไสเข้าหาความกระสันด้านล่าง
“ชอบไหม?”
“อะ... อึ่ก!”
มินซอกปรือตามองภาพพร่ามัวพร้อมดูดนิ้วของคนบ้าที่ทำให้เขากลายเป็นเด็กนิสัยไม่ดี
ลู่หานจิ๊ปากอย่างหัวเสียกับพื้นที่คับแคบซึ่งไม่อำนวยความสะดวกให้เขาทั้งคู่
หนุ่มหน้าตี๋จึงตัดสินใจปล่อยให้ขาดช่วงครู่หนึ่งเพื่ออุ้มร่างคนตัวเล็กไปยังเบาะหลัง
จับให้โก้งโค้งยืนเข่าก่อนจะเข้าไปซ้อนด้านหลังและดันความเป็นชายใส่เข้าไปอีกครั้ง
ท่านี้ล้ำลึกจนจุกไปทั้งท้อง
มินซอกครางหวิวและปล่อยกายให้เคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทก
ลู่หานทั้งรุนแรงและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
แก่นกายกระแทกกระทั้นเข้าหาความเสียวซ่านในช่องทางรัก แต่ริมฝีปากกลับจูบไปตามแผ่นหลังอย่างทะนุถนอม
“อะ! อ๊า!
อ๊า! อื้อ!”
ใบหน้าขาวแนบกับกระจกใสก่อนจะขึ้นเป็นฝ้าขาวในเสี้ยววินาทีอันสั้นและหายไปตามจังหวะการหอบหายใจของคนถูกกระแทก
สมองของมินซอกขาวโพลนไปหมด
เสียงครางสุขสมของลู่หานที่กำลังประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อมันช่างลามกและน่าฟังไปได้ยังไง
เขากำลังรู้สึกดีและคิดว่าลู่หานคงรับรู้ได้จากเสียงน่าเกลียดที่กำลังร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่หยุด
มินซอกทนไม่ไหวแล้ว... เขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นเย็นชาต่อผู้ชายคนนี้ได้อีกต่อไป
สองมือคว้าเอวคอดไว้เป็นหลัก
ชายหนุ่มมองเรือนร่างขาวสะอาดที่โยกไหวไปตามแรงส่งซึ่งเขาเป็นผู้ชักนำ
ลู่หานยังคงสวมเสื้อผ้าครบและมันอาจจะเห็นแก่ตัวไปสักหน่อยที่ปล่อยให้มินซอกเปลือยอยู่ฝ่ายเดียว
แต่คนตัวเล็กจะไม่มีวันหนาวแน่ถ้าหากว่าเขายังคงกระแทกกายเพิ่มความเร่าร้อนไม่หยุดอย่างนี้
สายตาที่เคยเฉยชากำลังมองมาอย่างเว้าวอน
ลู่หานจึงโน้มตัวลงไปทั้งที่สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
เราจูบกันอีกครั้ง แต่คราวนี้มันอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรู้สึก
ลิ้นเล็กที่กำลังกระหวัดโต้ตอบนั้นช่างน่ารักเหมือนร่างกายส่วนอื่น ๆ
ในตอนนี้ไม่มีผิด ถ้ามีกำลังใจดีแบบนี้ นรกที่ไหนตามมาลากคอลู่หานก็ไม่ยอมไปทั้งนั้น
จะมีสิ่งไหนสำคัญไปกว่าการได้เห็นรอยยิ้มของคนที่เขารักอีก
และยิ่งมันเกิดขึ้นจากตัวเขาแล้ว ลู่หานก็รู้สึกว่ามันช่างมีค่าเหลือเกิน
ทั้งคู่ถอนริมฝีปากออกมาสบตากันหลังจากความคิดถึงทุกหยาดหยดถูกปล่อยเข้าไปในช่องทางรัก
เขาจูบมินซอกอีกครั้ง
และประคองร่างเปลือยเปล่าให้นอนลงบนเบาะโดยมีเขานอนซ้อนอยู่ข้างหลัง
คนตัวเล็กหอบหายใจหนักหลังจากรับความคิดถึงและความลามกจากผู้ชายอย่างเขาไปในรอบแรก
ซึ่งลู่หานกล้าพูดอย่างหน้าด้าน ๆ เลยว่าต้องมีรอบสองส่งท้ายก่อนกลับแน่
ชายหนุ่มจูบไหล่ขาวซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ กดจมูกหอมลงไปซ้ำ ๆ
เพราะกลัวว่าถ้าอีกฝ่ายหายเหนื่อยแล้วจะไม่มีโอกาสได้ทำอีก
แต่ก็ผิดคาดอีกแล้ว...
เพราะความกังวลทั้งหมดกลายเป็นเพียงความคิดเมื่อมินซอกค่อย ๆ
พลิกตัวหันหน้าเข้าหาเขาและช้อนตามอง ซึ่งตอนนี้อีกฝ่ายดูไม่หลงเหลือคราบคนเย็นชาเลยสักนิด
“ผมหนาว”
“ถ้าบอกว่าเบิ้ลอีกสักยกคลายหนาวจะหาว่าพี่ส้นตีนไหม”
“แน่นอนว่าใช่”
“หยอกนะจ๊ะ” คนอารมณ์ดียิ้มร่าพร้อมรั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามาจมในอ้อมกอดเล็ก
ๆ ของตน
“ได้แค่นี้เองเหรอ ผมยังหนาวอยู่เลย”
“ก็บอกแล้วว่าให้เบิ้ลก็ไม่ฟัง... เอ้อ...
นี่คนนะไม่ใช่ผ้าห่ม จะให้กอดจมอกก็ไม่ใช่ปะเปาจื่อ” เสียงบ่นอุบอิบกลบเกลื่อนความอายที่เกิดมาตัวเตี้ยนั้นเรียกรอยยิ้มคนในอ้อมกอดได้ไม่ยากเลยสักนิด
มินซอกซุกหน้าลงกับไหล่แคบ ๆ ที่เขาเคยพร่ำถึงในคืนนั้นต่อหน้าจองซูยอน
ซึ่งมันอบอุ่นและทำให้รู้สึกอยากหลับไปทั้งอย่างนี้อย่างที่เคยจินตนาการไว้จริง ๆ
อ้อมกอดของลู่หานยังเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาจิตใจเด็กอย่างเขาได้
แม้ว่าในครั้งก่อนมันจะเคยทำให้เจ็บปวดจนคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้กลับมารู้สึกอย่างนี้อีก
แต่เขาก็รักที่จะอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
“อุ่นจัง”
“ดีไหม”
ชายหนุ่มกระซิบพร้อมจูบหน้าผากมนเบา ๆ ซึ่งคนตัวเล็กก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
“ดีจนอยากอยู่อย่างนี้ทุกวันแล้วล่ะ” ลู่หานอมยิ้มกับคำตอบจึงกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น เขาเองก็อยากให้มินซอกพูดจาน่ารักแบบนี้ทุกวันเหมือนกัน
“ถ้างั้นก็กลับมานอนห้องเดียวกันเหมือนเดิมดีไหม”
คำถามธรรมดาแต่กลับอบอุ่นไปทั้งใจ
และการปฏิเสธหัวใจตัวเองมันก็คงเป็นเรื่องโง่เกินกว่าที่มินซอกจะทำมันอีก
คนตัวเล็กพยักหน้าและกอดตอบเพื่อยืนยันว่าการอยู่ด้วยกันมันดีกว่าเป็นไหน ๆ
ซึ่งลู่หานก็พึมพำอย่างดีใจเหมือนคนบ้า และการยอมขลาดอายกับสิ่งที่ไม่ชอบทำ
แต่ถ้ามันแลกมาซึ่งความสุขจากผู้ชายคนนี้
แน่นอนว่ามันไม่ยากเกินกว่าที่คิมมินซอกจะยอม
คนตัวเล็กหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนี้ไว้เพื่อจะได้ย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าลู่หานยังคงเป็นที่
ๆ ปลอดภัยสำหรับเขาเสมอ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันถัดไป
ที่ ๆ
ปลอดภัยทั้งทางกายและใจจากลู่หานซึ่งมีเพียงคิมมินซอกเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับมันทั้งหมด
TBC
ไม่รู้ว่าฉันอิจฉ๊า
หรือว่าสุขใจ๊ นั้มตาที่ไหล๊นั้นไหล๊มาจากจุดไหน๊
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น