“ไม่คิดว่าจะถ่ายเลทขนาดนี้ ไม่งั้นนายคงได้ไปเยี่ยมจุนมยอนแล้ว”
“ไม่เป็นไรเราไปวันหลังก็ได้
วันนี้ส่งชาร์ลไปแทนแล้ว สบายมาก”
คนตัวเล็กหัวเราะแหะพลางรับกล่องนมสดจากคิมไคมาถือไว้
เด็กสองคนนั่งคุยกันตรงบันไดทางลงหอหลังจากเช็กชื่อเคอร์ฟิวเป็นที่เรียบร้อย ส่วนคนอื่น
ๆ ทยอยกันไปอาบน้ำและเข้านอนจนไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่านเปิดประตูห้องคนอื่นเล่นเพื่อกวนประสาท
อาจเป็นเพราะทุกคนคงเหนื่อยสะสมมาจนถึงวันนี้ วันสุดท้ายของการถ่ายรูปประกอบสมุดภาพ
คนเหล่านั้นจึงอยากหลับพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อตื่นไปนั่งง่วงในห้องเรียนในวันถัดมา
“ว่าแต่คิมไคไม่เป็นไรจริง ๆ
ใช่ไหม?”
“เรื่องพ่อน่ะเหรอ?” เด็กหนุ่มยิ้มขำพลางเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “นิดหน่อยน่ะ
แต่ไม่เป็นไรหรอก”
“แน่นะ?”
“ถ้าฉันไม่โอเคแล้วนายจะทำยังไงล่ะลิตเติ้ลบันนี่?” คนถูกเรียกด้วยชื่อนั้นชี้หน้าตัวเองพลางทำตาปริบ ๆ “นายจะช่วยเยียวยาความรู้สึกแย่ ๆ ที่เป็นอยู่ให้ฉันหรือเปล่า?”
“หมายถึงนั่งฟังคิมไคระบายน่ะเหรอ
เราทำได้นะ เรานั่งได้เป็นชั่วโมงเลย”
“ถ้ามันมากกว่านั่งฟังล่ะ?”
“หะ...” มองดวงตากลมโตกับหางตาที่ตกลงเหมือนเจ้ากระต่ายตัวนั้นที่เขาคิดถึง
คิมไคไม่สามารถละสายตาจากปาร์คแบคฮยอนได้ เขารู้ตัวดี
“ฉันหมายความว่าถ้าเรามีเวลาว่าง ๆ
ก็น่าจะออกไปหาอะไรกินด้วยกันบ้าง อย่างเช่นหมูย่างเจ้าอร่อย”
“เอาสิ เราก็อยากกินหมูย่าง
พูดแล้วก็หิวเลย” คนขี้เขินกำลังทำตัวไม่ถูก
อาจเป็นเพราะถูกเขาจูบหัวไหล่และต้นคอไปเมื่อหัวค่ำ พอได้สบตากันเกินสามวิแก้มขาว
ๆ ถึงได้ขึ้นสีระเรื่อจนน่าตรึงข้อมือทั้งสองข้างไว้แล้วสร้างรอยบนต้นคอ
“ลิตเติ้ลบันนี่”
“อื้อ”
“ชอบชื่อนี้แล้วใช่ไหม?” คิมไคหัวเราะ “เวลานายขานตอบฉันก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เลย”
“ก็คิมไคไม่ค่อยเรียกชื่อเรานี่ พอถูกเรียกอย่างนั้นบ่อย
ๆ เราก็ชินไปเอง”
“ถ้านายได้ยินคำว่า ‘ลิตเติ้ลบันนี่’ กับ ‘ลิตเติ้ลโมจิ’ ตะโกนเรียกพร้อมกัน นายจะหันไปหาใครก่อน?” เด็กหนุ่มผิวแทนถามอย่างคาดหวังแม้จะรู้คำตอบอยู่แก่ใจดีแล้วว่าคนตัวเล็กจะเลือกอะไร
แต่การที่แบคฮยอนลังเลที่จะตอบ มันก็ทำให้เขารู้สึกดีที่อีกฝ่ายยังมีความลังเลอยู่
“หันไปหาคนที่เรียกว่าแบคฮยอน”
“ขี้โม้ นายจะหันไปหาลิตเติ้ลโมจิ”
“รู้แล้วทำไมถึงยังถามอีกเล่า
เห็นไหมล่ะพอเป็นแบบนี้เดี๋ยวก็มีคนอึดอัด”
“ฉันเหรอ หรือว่านาย?” เด็กหนุ่มยิ้มขำพลางยีผมคนตัวเล็กที่ทำปากยื่นเพราะเจอคำถามเมื่อครู่
“ลิตเติ้ลบันนี่”
“อื้อ”
“นายเหมือนตุ๊กตาเลยตอนขานตอบแล้วค่อย
ๆ หันมามองฉัน” คิมไคพูดอย่างไม่โกหก เขารู้สึกอย่างนั้นจริง
ๆ และนั่นมันค่อนข้างที่จะแย่เข้าไปทุกทีแล้ว
ในทีแรกแค่รู้สึกว่าชอบ แต่ก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดว่าต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา
เขาถูกใจแบคฮยอนแต่นั่นก็น้อยกว่าการอยากแหย่ชาร์ลี ฮอปส์ให้หัวร้อน
แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงที่ทุกคนพยายามหาทางช่วยจุนมยอน
มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ยาวนานแต่กลับทำให้คิมไครู้สึกชอบลิตเติ้ลบันนี่มากขึ้น
“คิมไคก็หล่อเหมือนพระเอกละครเลย”
“งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มผิวแทนเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ
ก่อนจะหันไปสบตากับคนตัวเล็กอีกครั้ง “นายว่าสักวันหนึ่งฉันจะได้เล่นเป็นพระเอกไหม?”
“ได้สิ ทั้งหน้าตา ทั้งหุ่น ทุกอย่างได้หมดเลย
ยิ่งตอนยิ้มนะ ผู้หญิงใจละลายแน่ ๆ”
ลิตเติ้ลบันนี่พูดจ้อเจื้อย ริมฝีปากสีเชอร์รี่เอาแต่พูดเพื่อให้กำลังใจ
พอรู้ตัวอีกทีคิมไคก็เอาแต่ยิ้มขำจนหุบริมฝีปากลงเพื่อคีพลุคเคร่งขรึมไม่ได้แล้ว
“แต่ทำให้นายใจละลายไม่ได้สินะ”
“ทำไมวกกลับมาที่เราอีกแล้วล่ะ” คนตัวเล็กงึมงำ ก่อนจะหลับตาปี๋เพราะถูกยีผมอีกครั้ง
“มันเขี้ยว” คิมไคเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ความน่ารักที่กำลังนั่งห่อไหล่พร้อมเอนหลังถอยหนี
“อยากกัดอีก...”
แบคฮยอนหน้าขึ้นสีจัดจนวูบหนึ่งรู้สึกเหมือนหน้ามืด
อาจเพราะกลิ่นน้ำหอมและใบหน้าของเราซึ่งห่างกันเพียงคืบเดียว บวกกับเหตุการณ์ในสตูดิโอเมื่อชั่วโมงก่อนที่ทำให้เขาอายจนแทบไม่กล้ามองหน้าใครอีกเลย
คิมไคไม่ได้แค่จูบไหล่ แต่กลับขบฟันลงมาเบา ๆ พร้อมแตะลิ้นเลียจนทำให้เขาเผลอจิกเล็บลงบนแขนชาร์ล
ตอนนั้นคนขี้หึงคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่คิดจะห้าม
แต่กลับสู้กับคิมไคด้วยการขบจูบจนเกิดรอย
“จูบได้ไหม แค่ครั้งเดียว”
เสียงกระซิบของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องน่าตลกเลย
แบคฮยอนชะงักไปกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ก่อนจะส่ายศีรษะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจ
คิมไคคงคิดว่าขออนุญาตแล้วถึงได้เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ
จนคนตัวเล็กเม้มริมฝีปากหลับตาแน่น
“หมดเวลา”
แบคฮยอนลืมตาทันทีที่ได้ยินเสียงปริศนาซึ่งมาพร้อมสมุดเล่มบางคั่นตรงกลางระหว่างใบหน้าของเขาและคิมไค
คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นเดียวกัน พร้อมสายตาซึ่งมองคนผิวแทนอย่างเอาเรื่อง
“ชอบขัดจังหวะจริง ๆ เลย...”
“โมจิ มานี่”
คนถูกเรียกรีบลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่ายเพราะกลัวโดนดุ ก่อนจะมองมือแกร่งที่ยื่นออกมา
และเขาก็วางมือตนเองลงไปเพื่อรับไออุ่นในเวลานี้ซึ่งดูเหมือนว่าจะร้อนระอุเพราะแรงหึงเสียมากกว่า
“ที่เก่าเวลาเดิมเลยนะ” ชาร์ลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มมองอีกฝ่ายพลางส่ายศีรษะหน่าย ๆ “นี่คือใบเหลืองครั้งที่สอง ถ้ายังกล้ายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แบคฮยอนอีก
คงรู้นะว่าต้องเจอกับอะไร”
“กลัวแล้ว”
คิมไคยิ้มขำพลางลุกขึ้นยืนชูสองมือระดับหัวไหล่กวนประสาท ก่อนจะมองคนตัวเล็กที่ส่ายหน้าพรืดเป็นเชิงบอกให้เขาหยุดยั่วโมโหหมอนี่สักที
*
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่า --”
เสียงของเขาถูกกลืนไปก่อนประตูห้องจะปิดลงเสียอีก
เด็กหนุ่มตัวสูงยืนนิ่งค้างอยู่ท่านั้นเมื่อถูกความนุ่มนิ่มโจมตีด้วยจูบ
จากดวงตาที่ปิดแน่นในตอนนี้คาดว่าน้องน้อยคงรวบรวมความกล้ามาเป็นอย่างดีแล้วกับการเป็นฝ่ายรุกก่อนและมันค่อนข้างได้ผล
แม้ว่าชาร์ลี ฮอปส์จะไม่หายหงุดหงิดเสียทีเดียว
แต่ก็ทำให้เขาโอนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
วงแขนแกร่งตวัดกอดรั้งเอวคอดพร้อมบดขยี้ปากสีเชอร์รี่
ดูดดึงลิ้นเอาความหอมหวานจากรสชาติเดิม ๆ ที่ลองกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เคยเบื่อ และน้องน้อยคงรู้แล้วว่าวิธีนี้มันได้ผลถึงได้กอดรอบคอพร้อมรั้งท้ายทอยเขาลงมาเพื่อจูบที่แนบแน่นยิ่งขึ้น
“ห้ามโมโหนะ...”
“ฉันจะโมโห...” เด็กหนุ่มตอบเสียงพร่าก่อนจะเริ่มจูบคนตัวเล็กอีกครั้ง มือที่เคยกอดรั้งเอวน่ากัดกำลังค่อย
ๆ เลื่อนขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อนักเรียนทีละเม็ดก่อนจะร่นลงให้พ้นจากหัวไหล่ “ถ้าฉันไปช้ากว่านี้ก็จะปล่อยให้มันจูบใช่ไหม
ทำไมถึงน่าหงุดหงิดขนาดนี้ปาร์คแบคฮยอน?”
ความนุ่มนิ่มปรือตามองก่อนจะปล่อยให้อาการหัวเสียของเขาทำงานต่อ
“เพราะชาร์ลปล่อยให้เราอยู่กับคิมไคต่างหาก...” คำตอบที่ไม่คาดคิดหลุดออกมาจากปากนุ่มนิ่ม “ทั้งที่รู้ว่าเราถูกทำอะไรในสตูดิโอแต่ก็ยังปล่อยให้เรากลับกับคิมไค... ใครกันแน่ที่ควรโมโห...”
“แต่ฉันต้องเอาบทสรุปการเรียนของวันนี้ไปให้จุนมยอน นายก็รู้” จากที่เคยขึ้นเสียงก็ยอมอ่อนลงทันทีที่ได้ยินเหตุผลที่พ่วงมาพร้อมความจริงซึ่งเขาเคยมองข้ามไป แบคฮยอนคงเข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงต้องไปหาจุนมยอน แต่ชาร์ลี
ฮอปส์กลับไม่ทันคิดว่าไอ้หมอนั่นมันจ้องจะงาบแฟนเขาอยู่
“เรารู้ แต่เราไม่ได้อยากจูบสักหน่อย ถ้าคิมไคจะทำจริง ๆ เราก็พร้อมจะผลักออกอยู่แล้ว”
“แต่ตอนฉันไปถึงมันก็เกือบ --”
“เราอยากจูบชาร์ลคนเดียว! คนอื่นเราไม่รู้ด้วยหรอก!” คนตัวเล็กตะโกนแล้วซุกหน้ากับแผงอกของเขา
“โกหก” คนขี้หึงผละคนตัวเล็กออกพลางบีบกรามความน่ารักให้เชิดหน้าขึ้น
มองความงอแงของคนตรงหน้าและบอกตัวเองว่าให้ข่มใจเอาไว้
“เวลาแบบนี้ชาร์ลยังโมโหเราลงอีกเหรอ”
“แล้วฉันควรยิ้มตอนเห็นแฟนกำลังจะโดนไอ้เวรนั่นจูบหรือไง?”
“มันไม่ใช่เวลาที่ชาร์ลจะจูบจะกอดชดเชยตอนที่เราได้แต่นอนหันหลังให้กันเพราะเครียดเรื่องจุนมยอนเหรอ”
“...”
“หรือว่ามีแค่เราที่คิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว...
ต้องใช่แน่ ๆ เลย...” เสียงกระซิบของความนุ่มนิ่มอาจสื่อให้รู้ถึงความน้อยใจในช่วงเวลาที่เราทุกคนต่างเป็นกังวลเรื่องหาเงินจนไม่มีใจคิดเรื่องแบบนั้น
แต่ที่ชาร์ลี ฮอปส์กลับรู้สึกได้ว่ากำลังถูกอ้อนผ่านทางสายตาและน้ำเสียง
“ไม่ใช่อย่างนั้น
เรากำลังพูดถึงเรื่องไอ้คิมไคกันอยู่นะโมจิ” สุดท้ายก็แพ้ความน่ารักของน้องน้อย
เขามองมือเล็กที่กำลังร่นเสื้อตนเองลง ก่อนจะจับมือของเขาลูบไปตามไหปลาร้า
แย่แล้ว... ตอนนี้ดูเหมือนว่าปาร์คแบคฮยอนจะเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า
“หมายถึงที่คิมไคจูบคอเราตรงนี้น่ะเหรอ” ผิวนุ่มลื่นของคนตรงหน้าทำเขาหายใจติดขัด ชาร์ลี
ฮอปส์เลียริมฝีปากคลายความประหม่าตอนได้ยินเสียงซิปกางเกงตนเองถูกร่นลงโดยคนตัวเล็กที่นานทีปีหนถึงจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ใครเป็นคนสั่งให้เราถ่ายฉากนั้นกันนะ...”
“โอเค ฉันผิดเอง ตกลงไหม?” ยอมแล้ว ถ้าต้องเจอปาร์คแบคฮยอนในโหมดยั่วจนใจสั่นอย่างนี้
เขายอมหายโกรธก็ได้ อย่างน้อยความนุ่มนิ่มในโหมดถูกแกล้งจนร้องไห้ก็ไม่เคยทำให้เสียหลักขนาดนี้
“ใช่ ชาร์ลผิด” ความแข็งขืนดีดผึงออกมาจากช่องซิปและได้มือนุ่มนิ่มประคองไว้พร้อมออกแรงรั้งรูดเบา
ๆ จนมันขยายตัว “ปล่อยให้คิมไคจูบไหล่เรา หอมต้นคอเรา
ตอนนั้นขนลุกไปหมดเลยล่ะ”
“ไม่เอาน่าโมจิ...”
ชาร์ลโอบใบหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้นมาสบตากันก่อนจะประชดประชันกันมากไปกว่านี้ และเขาก็ได้พบว่าปาร์คแบคฮยอนนั้นขลาดอายเพียงใดที่ต้องก้มหน้าก้มตาพูดคำเหล่านั้นเพื่อทำให้เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
“เวลายั่วด้วยคำพูดแบบนั้นน่ะ
มองหน้าฉันด้วยสิ”
“เราไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายหรอก...”
แม้จะขลาดอายจนหน้าแดง
แต่ความนุ่มนิ่มก็ยังสู้กับเขาจนถึงวินาทีนี้
เด็กหนุ่มตัวสูงหลุบสายตามองคนตัวเล็กที่ย่อตัวลงคุกเข่า ก่อนจะอ้าปากรับความใหญ่โตเข้าไปและค่อย
ๆ ผงกศีรษะ ชาร์ลี ฮอปส์ไม่แน่ใจว่าตอนนี้น้องน้อยกำลังคิดอะไรอยู่
อยากเอาคืนด้วยการทำให้เขาเสียวจนยืนไม่ไหว หรือว่าแค่อยากหาเรื่องทำให้ปากไม่ว่างเพื่อที่จะไม่ต้องตอบคำถามของเขา
“อา...”
เด็กหนุ่มขบกรามจนขึ้นเป็นสันพลางลูบกลุ่มผมสีเข้มซึ่งเริ่มผงกศีรษะเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงอื้ออึงในลำคอ
ความเป็นชายที่ว่าตื่นตัวอยู่แล้วยิ่งแข็งเข้าไปอีกเมื่อเสียดสีกับโพรงปากอุ่น
ๆ และฟันซี่เล็ก
ความนุ่มนิ่มถอนปากออกจนน้ำลายยืด
แต่ก็ตวัดลิ้นเลียเอาเข้าไปราวกับว่าน้ำหล่อลื่นที่ชาร์ลี
ฮอปส์ขับออกมาคือของล้ำค่า เขามองคนตัวเล็กด้วยอารมณ์ที่ไต่ขึ้นสูงทุกขณะ
ปาร์คแบคฮยอนเอาปากสีเชอร์รี่นั่นดูดตรงส่วนหัว เลียตามท่อนลำ ก่อนจะเอาเข้าปากทั้งหมดอีกครั้งและเขาก็ประคองศีรษะน้องไว้เพื่อซอยสะโพกใส่เมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน
“อ้าปากออก” ชาร์ลมองคนตัวเล็กที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
และน้ำสีขาวขุ่นที่เอ่ออยู่ในปากจนทะลักออกมาจนเลอะถึงปลายคางก็ทำให้เขามีอารมณ์จนความเป็นชายแข็งตัวขึ้นอีกครั้ง
“กลืนเข้าไปโมจิ”
คนตัวเล็กทำตามก่อนจะแลบลิ้นออกมายืนยันให้เห็นว่าปาร์คแบคฮยอนน่ะเชื่อฟังแค่ไหนถ้าเป็นคำสั่งของชาร์ลี
ฮอปส์ เด็กหนุ่มตัวสูงพรูลมหายใจทางริมฝีปาก ก่อนจะก้มลงช้อนตัวความนุ่มนิ่มขึ้นเข้าเอวพร้อมบดขยี้จูบแลกลิ้นโดยไม่รังเกียจรสชาติขมปร่าในปากซึ่งมาจากน้ำแห่งความต้องการของตนเอง
“พูดสิว่าอยากให้ฉันทำอะไร” ชาร์ลทิ้งตัวน้องลงบนเตียงพร้อมถอดกางเกงนักเรียนที่เป็นอุปสรรคออกจนตอนนี้ร่างขาวเนียนเหลือเพียงกางเกงในกับเชิ้ตขาวซึ่งเหมือนจะหลุดแต่ก็คาอยู่กับแขนพับ
“กอด... กอดเรา” แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างอย่างขลาดอาย
ก่อนจะสบตากับคนรักซึ่งกำลังยิ้มมุมปากอย่างพอใจจนไม่เหลือคราบผู้ชายขี้หึงอีกแล้ว
คนตัวเล็กผงกศีรษะขึ้นมองแฟนหนุ่มที่กำลังทำอะไรบางอย่างก่อนจะพบว่ากางเกงในที่สวมใส่อยู่กำลังถูกตัดด้วยกรรไกร
และสิ่งที่เป็นอยู่คือสัญญาณเตือนเพื่อบอกให้คนตัวเล็กรู้ว่าเซ็กส์ครั้งนี้มันต้องต่างออกไปจากเดิม
“ชาร์ล...”
“จ๋าที่รัก?”
ความอ่อนโยนทางแววตาและน้ำเสียงช่างขัดกับข้อมือทั้งสองข้างที่ถูกตรึงอยู่เหนือศีรษะและกำลังถูกมัดไว้ด้วยกางเกงใน
แบคฮยอนช้อนตามองก่อนจะเผยอปากรับจูบจากคนรักซึ่งมอมเมาชดเชยช่วงเวลาที่เราจมอยู่กับความเครียด
“เจ็บเหรอ?”
คนตัวเล็กส่ายศีรษะปฏิเสธพลางมองกลุ่มผมสีอ่อนที่ซุกลงสร้างความปั่นป่วนให้กับอกขาวของตน
ใบหน้าคมเงยขึ้นมาสบตากันขณะตวัดเลียยอดอก ขบเม้มจนแข็ง พ่นลมหายใจอุ่น ๆ รดลงมา
ทุกอย่างล้วนแต่เป็นความตั้งใจของชาร์ลี ฮอปสท์ทั้งนั้น
ลิ้นร้อนค่อย ๆ ลากลงไปจนถึงส่วนนั้น
ส่วนที่ตื่นตัวเพื่อบอกให้รู้ว่าเขาต้องการผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน
ปากที่เคยตัดพ้อน้อยใจทำได้แค่ครางในลำคอ
บิดกายเร่าสวนสะโพกเข้าหาปากอุ่น ๆ ของคนรักที่ดูดดุนอย่างเอาอกเอาใจ
สองมือที่ถูกมัดอยู่เหนือศีรษะเสียดสีกันจนเจ็บแต่กลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
แบคฮยอนอ้าขาออกกว้างเพื่อให้คนตัวโตสอดนิ้วเข้าไปง่ายขึ้น
และช่องทางด้านหลังที่โหยหาความอ่อนโยนก็บีบรัดเรียวนิ้วทั้งสองเป็นอย่างดี
ความห่างหายจากเรื่องอย่างว่าทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากรอนัก
ชาร์ลชักนิ้วที่กระแทกรูรักออกจนสะโพกกลมลอยหวิวขมิบอย่างเสียดาย
เด็กหนุ่มจับความเป็นชายจ่ออยู่กับปากทางพลางมองคนตัวเล็กเอาแต่กัดริมฝีปากล่าง
และสีหน้าท่าทางที่เป็นอยู่ในตอนนี้กำลังเชิญชวนให้ชาร์ลี ฮอปส์อยากทำรุนแรง
เด็กหนุ่มสูดปากพลางดันแท่งเนื้อเข้าไป
ขณะมองร่างขาวเนียนที่นอนอ้าขารับความลามกทั้งหมดของเขาเอาไว้โดยที่สองมือยังคงถูกมัดอยู่เหนือศีรษะ
แบคฮยอนครางเสียงติดขัด ขมิบตอดรัดความแข็งขืนทุกขณะจนมันเข้าไปได้จนสุดความยาว
ชาร์ลก้มลงเลียยอดอกสีระเรื่อขณะให้น้องน้อยได้ปรับตัวรับกับส่วนนั้น
ก่อนจะเริ่มกระแทกกระทั้นอย่างเนิบนาบจนเร่งจังหวะความเร็วจนหัวเตียงชนกับผนัง
“อะ! อ๊ะ! อ๊ะ!”
เพิ่งรู้ว่าโหยหาน้องน้อยมากถึงขนาดนี้ก็ตอนที่รู้ว่าความเร็วที่เป็นอยู่ยังช้าเกินไป
เด็กหนุ่มอัดกระแทกแท่งเนื้อเข้าหาร่องสวาทจนร่างที่ถูกมัดข้อมือสั่นไหวไปพร้อมเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
แบคฮยอนครางเสียงหลงอย่างลืมอาย
สองขาที่เคยอ้ากว้างตวัดเกี่ยวเอวเขาเอาไว้ก่อนหน้าท้องของเราจะเลอะไปด้วยน้ำขาวขุ่นของคนตัวเล็ก
“อะ... อา...”
“สิบวิโมจิ...
นายมีเวลาหายใจแค่สิบวิเท่านั้น”
เด็กหนุ่มกระซิบข้างหูก่อนจะไล่เลียตามสันกรามไล่มาจนถึงไหปลาร้า คนที่เพิ่งปลดปล่อยความต้องการไปเมื่อครู่หอบหายใจอย่างหนักกับความเสียวซ่านที่คิดถึงมาตลอดอาทิตย์
“แกะ... แกะให้หน่อย” เสียงออดอ้อนมาพร้อมข้อมือที่ถูกมัดจนแดง คนขี้แกล้งจึงค่อย ๆ
แกะออกให้ก่อนจะเลียข้อมือน้องอย่างเอาใจขณะที่ยังสบตากันอยู่
“ทีหลังอย่าทำให้หึงอีก เข้าใจไหม?”
“ก็อย่าปล่อยให้เราอยู่กับคิมไคสองคนสิ...”
“ฉันควรทำยังไง?” ชาร์ลขมวดคิ้วพลางเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ
ส่วนนั้นของเรายังเชื่อมต่อกัน
และเขารู้สึกได้ถึงแรงตอดรัดจากช่องทางด้านหลังที่กำลังท้าทายไม่แพ้ริมฝีปากนุ่มนิ่ม
“ใส่ไว้อย่างนี้ตลอดเวลาเลยดีไหม?”
“อ๊ะ!”
“กระแทกแรง ๆ จนกว่าคิมไคจะเห็นว่านายเสียวแค่ไหนตอนฉันใส่เข้าไปจนสุด”
“อื้อ... ตรงนั้น”
น้องน้อยเชิดหน้าขึ้นครางหวิวกับความใหญ่โตที่ดันเข้าไปอย่างล้ำลึกจนโดนจุดเสียวอย่างตั้งใจ
“ให้มันเห็นตอนคนใสซื่ออย่างนายบดสะโพกเข้าหาไอ้ท่อนแข็ง
ๆ ที่คนอย่างมันคงจินตนาการไม่ออกว่าเข้าไปลึกเท่าไหร่ ให้มันฟังเสียงนายตอนร้องขอให้ฉันแตกใส่ข้างใน
แล้วอ้าขาออกเพื่อให้ฉันใช้นิ้วควานออกให้”
เด็กหนุ่มยิ้มพอใจ
ขณะมองร่างคนตัวเล็กบิดเร่าเข้าหาแท่งร้อนที่หยุดขยับไปเมื่อครู่
เขารักที่แบคฮยอนไร้เดียงสา แต่ก็รักตอนที่อีกฝ่ายยอมอายเพื่อแลกกับความเสียวซ่านจากบทรักของเรา
จนวูบหนึ่งมีความคิดแปลก ๆ ว่าถ้าเกิดน้องน้อยกลายเป็นคนถือไพ่เหนือกว่าจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องพยายามอย่างขลาดอายเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
มันก็คงตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย...
ถ้าจะได้เห็นปาร์คแบคฮยอนในรูปแบบนั้น
50%
#เอาดอกไม้ทัดหูแล้วลุกขึ้นมารำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น