INSANE
chanyeol x baekhyun
/ 2 /
แบคฮยอนคิดว่าเป้าหมายของค่ำคืนนี้น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว
เพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะอยู่ต่อจนถึงคืนพรุ่งนี้เพราะอยากได้คำตอบเรื่องไร้สาระที่รู้ไปก็หาประโยชน์ไม่ได้
หลังจากทำความสะอาดตัวและเบาะนั่งซึ่งเลอะเทอะหมดสภาพรถราคาแปดร้อยล้านวอนเรียบร้อยแล้ว
เจ้าของสูทสีเลือดนกก็ลงจากรถไปคุยโทรศัพท์ และถ้าให้เดาคาดว่าน่าจะโทรรายงานเมียเรื่องกลับบ้านช้า
หรือไม่ก็พะวงถึงลูกน้อยซึ่งอาจจะหลับไปตั้งแต่สองทุ่ม
ถ้าอีกฝ่ายกลับเข้ามาแล้วบอกว่า ‘คุณลงตรงนี้ได้ไหม ผมมีธุระต้องรีบไปทำ’ ด้วยน้ำเสียงไร้สิ้นเยื่อใยก็คงไม่โกรธ
เขาคงพยักหน้าง่าย ๆ ก่อนจะลงจากรถไปโดยไม่เหวี่ยงวีนให้คอแหบแห้งเพราะถูกหิ้วมาลอยแพข้างถนนซึ่งเกือบออกนอกโซลอยู่แล้ว
อีกอย่าง ตรงนี้ก็มืดจนชวนให้หลอนไม่น้อย ก็ถ้าแบคฮยอนเป็นคนกลัวผีน่ะนะ
เซ็งไปก็ไม่ได้อะไร อาจเป็นเพราะเขาได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้างเร็วกว่าเด็กคนอื่น
ๆ บยอนแบคฮยอนจึงรู้และเข้าใจว่าควรปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เขาและชานยอลต่างก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แฟร์ ๆ
ไม่มีใครเสียหายอะไร จะแยกกันไปตอนนี้มันก็บวกลบคูณหารลงตัวพอดี
แบคฮยอนไม่อยากเรียกตัวเองว่ากร้านโลก
แต่ลองคิดดูสิว่าจะมีใครคาดหวังความจริงใจจากผู้ชายที่เพิ่งมีอะไรกันหลังจากทำความรู้จักไปได้ไม่ถึงสามชั่วโมง?
จะมีก็แต่พวกอ่อนไหวที่เพ้อฝันว่าจะบังเอิญเจอผู้ชายดี ๆ สักคนในคลับ และโง่ถึงขั้นคิดว่าจะเอาชนะใจคนประเภทนั้นได้ด้วยความจืดชืดแสนน่าเบื่อหน่ายของตัวเอง
ไม่มีทางเป็นแบบนั้น และต่อให้เป็นเวอร์ชั่นนิยาย
บยอนแบคฮยอนก็จะเบ้ปากใส่หนังสือเล่มหนาแล้วโยนเข้ากองไฟซึ่งไม่รู้ว่าใครหน้าไหนเป็นคนจุดทิ้งเอาไว้
ชานยอลกดวางสายแล้วกลับเข้าไปในรถ
เขาเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้คาดเข็มขัดจึงเอื้อมไปจัดการให้ แต่อีกฝ่ายกลับมองมาเหมือนกำลังลองเชิงคล้ายว่ากำลังคิดอะไร
เขาจึงจูบหยอกล้อเบา ๆ ที่ริมฝีปากก่อนจะหันไปขับรถ
“ไม่กลับเหรอ?”
“กลับ? ไปไหน?” ชายหนุ่มตัวสูงแกล้งเลิกคิ้วพลางชำเลืองมองคนข้าง
ๆ
มันก็จริงที่แบคฮยอนเป็นคนน่าสนใจ
ก็เล่นเซอร์ไพรส์ด้วยเรื่องว้าว ๆ ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
แต่ก็ใช่ว่าปาร์คชานยอลจะสตันท์กับความบ้าบิ่นที่แฝงไปด้วยความซับซ้อนจนดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
ไม่วายคงคิดว่าเขาจะพากลับโซลเพราะได้สมอยากเรียบร้อยแล้ว
และที่ออกไปคุยโทรศัพท์เมื่อครู่เจ้าตัวก็คงมีเวลามากมายให้คาดเดาไปต่าง ๆ นานา
ซึ่งเรื่องนั้นปาร์คชานยอลก็คงหยั่งรู้ไม่ได้ แต่ที่แน่ ๆ
ถ้าเขาหักพวงมาลัยเลี้ยวกลับคงได้ถูกหมายหัวว่าเป็นไอ้คนขี้เอาแล้วทิ้งแหงแซะ
“ผมยังกลับไม่ได้ กว่าคุณจะให้คำตอบผมก็ตั้งคืนพรุ่งนี้นี่”
ชานยอลเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังยิ้ม แต่ในใจคงด่าเขาว่า ‘ไอ้คนส้นตีนเอ๊ย’
เพราะทั้งหมั่นไส้และถูกใจกับคำตอบเมื่อครู่อยู่แน่ ๆ ก็เอาสิ
ด่ามาทั้งโคตรเลยก็ยังได้ ชอบเหลือเกินแหละคนเก่งเนี่ย
“เพิ่งรู้ว่าคุณตื่นเต้นเรื่องคำตอบนั่นจนยอมอยู่ต่อ ว่าแต่จะขับทะลุออกนอกคยองกีโดเลยหรือไง?”
“ก็กะว่าอย่างนั้น คุณชอบบ้านพักตากอากาศติดแม่น้ำไหมล่ะ?”
“ไม่รู้สิ ต้องเห็นกับตาก่อนถึงจะบอกได้”
“ใจคอจะให้รอคำตอบกับทุกเรื่องเลยหรือไง?” ชานยอลมองคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว
“ไม่ทุกเรื่อง ไม่เชื่อลองถามมาสิ”
“ผมเอาเก่งไหม?”
“เก่ง”
“โอ้โห แทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย
ถ้าไม่ติดว่าภาพลักษณ์คุณดูเป็นคนมั่นใจ มีจุดยืนเป็นของตัวเอง
ผมคงคิดว่าคุณกำลังพูดเอาใจอยู่”
“ลึก ๆ ก็คิดว่าผมตอแหลอยู่ล่ะสิ?” เหอะ ทำเป็นพูดตัดพ้อ
แต่สีหน้ากับแววตานี่สวนทางกันจนเหมือนคนอยากโดนซ้ำรอบสองเอาให้จุกท้องกันไปข้าง
“นี่ที่รัก ผมไปใช้คำหยาบแบบนั้นกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“คุณไม่ได้พูดอย่างนั้น ผมแค่ร้อนตัวไปเอง
แต่ชอบคำว่าที่รักจัง ฟังแล้วจั๊กจี้ดี”
“แล้วเมียจ๋าล่ะ?”
ชายหนุ่มมองหยั่งเชิงคนข้าง ๆ พลางยกยิ้ม เอาสิ งานนี้ไม่มีใครยอมใคร
“ชอบ แต่ไม่ให้เรียก”
“ไหงงั้น?”
เอาล่ะ เตรียมเจอดราม่า ‘เพราะคุณคงมีคนให้เรียกแบบนี้เยอะแล้ว
ผมไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น’
“เพราะผมคิดว่ามันคงตื่นเต้นกว่าถ้าได้ยินคำ ๆ นั้นตอนที่ผมกับคุณกำลัง...”
นิ้วชี้กับนิ้วกลางช่างซนเหลือเกิน น้องชายในกางเกงที่เพิ่งสงบไปเมื่อไม่นานมานี้เหมือนว่ามันจะเริ่มตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งเพียงเพราะสองนิ้วนั้นค่อย
ๆ ไต่ไปตามหน้าขาของเขา
เหอะ... ร้ายจริง ๆ
“ส่วนคุณก็ลีลาใช้ได้” อยากรู้ว่าพอไม่ได้รับคำชมแล้วแบคฮยอนจะเสียหลักแค่ไหน
ชายหนุ่มชำเลืองมองคนข้าง ๆ ซึ่งไม่ได้มีท่าทีอย่างที่คาดหวังเอาไว้
แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้
“แย่จัง พูดซะผมอยากแก้ตัวเดี๋ยวนี้เลย” แบคฮยอนสอดมือเข้ามาในสูทสีเลือดนกที่ยังไม่ได้ติดกระดุม ทั้งคู่สบตากันเพียงเสี้ยววิและชานยอลรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนอะไรอยู่
“ขอผมขับรถก่อน อีกแค่เดี๋ยวเดียวคุณได้แก้ตัวสมใจแน่” มือข้างหนึ่งละจากพวงมาลัยมาเชยคางคนขี้ยั่วเป็นการหมายหัว “บนเตียงคิงส์ไซส์ โซฟา เคาน์เตอร์บาร์ในครัว หรือว่าอ่างจากุชชี่ดีล่ะ?”
ค่ำคืนนี้คงไม่จบง่าย ๆ
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เข็ดหลาบเห็นทีว่าต้องสั่งสอนกันต่อจนกว่าจะรู้ว่าใครถือไพ่เหนือกว่า
และดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะมีความคิดเหมือนกัน เจ้าตัวถึงได้สอดมือเข้าไปในกางเกงเขาพร้อมยิ้มอย่างมีความหมาย
“ของพวกนั้นใครจะสน ริมแม่น้ำบ้านพักตากอากาศของคุณต่างหากที่ผมกำลังพูดถึง”
*
จุดหมายค่อนข้างอยู่ไกลจากตัวเมือง หนำซ้ำรอบด้านยังมีแต่ป่าไม้ชวนให้นึกถึงหนังสยองขวัญพล็อตฆาตกรหน้าหล่อลวงเหยื่อมาฆ่าหั่นศพหลังจากเสพสุขกันไปอย่างถึงพริกถึงขิงทั้งหมดห้ารอบ
อืม... คาดหวังเยอะเกินไปไหมนะ
ตั้งห้ารอบ... ผู้ชายคนนี้จะไหวเหรอ?
แค่คิดก็น่าท้าทาย ปาร์คชานยอลคงมีแผนในหัวที่เตรียมไว้เพื่อเหยื่ออย่างเขาในค่ำคืนนี้
ซึ่งบยอนแบคฮยอนก็ยินดีเหลือเกิน
น่าประหลาดใจไม่น้อยที่ไฟเปิดทิ้งไว้อยู่แล้ว
กระทั่งเห็นว่ามีผู้ชายวัยยี่สิบกลาง ๆ เปิดประตูให้
บ้านหลังนี้จึงหลุดจากการเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังฆาตกรรมไปโดยปริยาย
“เรียบร้อยหรือเปล่า?”
“ครับนาย พี่ฮันเข้ามาจัดการให้แล้ว” เด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงนอนก้มศีรษะลงมาคุยกับคนเป็นเจ้านาย จากสภาพแล้วเหมือนคนจำใจตื่นมาเปิดประตูให้เพราะเจ้าของรถคันนี้คงไม่อยากหมดหล่อหากต้องลงไปเปิดเอง
“กลับได้เลย ถ้ามีอะไรเดี๋ยวกูโทรหา” คนเป็นนายกล่าวเพียงเท่านั้นแล้วควักแบงก์ห้าหมื่นวอนให้ก่อนกระจกรถจะเลื่อนขึ้น
สิ้นสุดบทสนทนารถก็ขับเคลื่อนเข้าไปด้านใน บ้านสไตล์โมเดิร์นดูใหม่จนเดาไม่ออกว่าสร้างมากี่ปีแล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันช่างเข้ากับธรรมชาติโดยรอบอย่างปฏิเสธไม่ได้
เขาชอบที่คนออกแบบมองเห็นประโยชน์และความสวยงามของต้นไม้เก่าแก่ตรงด้านข้าง
จึงออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งกับบ้านมากกว่าจะตัดทิ้งไป
ไหนจะชิงช้าหวายที่นั่งได้สองคนอีก
ช่างเลือกเหลือเกินนะพ่อคุณ
“คุณไม่ใช่คนแรก”
“...?” ทั้งคู่หันมาสบตากัน
และการที่คนตัวเล็กยกยิ้มอย่างนั้นก็ทำให้ชานยอลรู้ว่าเขาไม่ได้เดาผิดไป
“คุณไม่ได้ถาม แต่คุณอยากรู้”
“สีหน้าผมชัดขนาดนั้นเลย?” เจ้าของบ้านไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วแบมือออกมา
“ไม่ชัด แต่เดาได้” แบคฮยอนมองคำเชิญชวนผ่านการแสดงออกที่มาพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน
ดังนั้นเขาจึงวางมือลงไปโดยไม่เสียเวลานานไปกว่านี้
“อย่ากังวลเลย ผมไม่ซีเรียสเรื่องคนแรกหรือคนสุดท้ายอยู่แล้ว”
“รู้ ผมก็แค่อยากบอกคุณว่าถึงผมจะเป็นคนไม่ดี แต่ไม่ใช่คนโกหกหรอกนะ”
“เท่เป็นบ้า ผมชอบความนิสัยไม่ดีที่ชัดเจนของคุณจัง”
แบคฮยอนหรี่ตาพลางย่นจมูกใส่อย่างมันเขี้ยว ซึ่งชานยอลเองก็คงรู้สึกไม่ต่าง
ถึงได้ก้มลงมางับปลายจมูกเขาเบา ๆ
ทั้งคู่สอดประสานเรียวนิ้วแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
สวมบทคู่รักชั่วคราวที่มีเวลาจำกัดจนถึงคืนพรุ่งนี้
“บรรยากาศเหมือนฮันนีมูนไหม?” สิ้นสุดคำถามแบคฮยอนก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
เขาจึงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
“นั่นเป็นเรื่องของคนแต่งงานกันแล้ว แต่ผมกับคุณไม่”
“พูดแบบนี้มาแต่งกันเลยเป็นไง?”
“ท้า?”
“ใช่ อยากมีผัวเป็นตัวเป็นตนสักครั้งในชีวิตหรือเปล่าล่ะแบคฮยอน?”
ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิงอย่างไม่มีใครยอมใคร
ชานยอลรู้สึกว่าอะดรีนาลีนสูบฉีดอยู่ตลอดเวลาเมื่ออยู่กับคนตรงหน้า
เขาเหมือนคนที่พร้อมจะทำเรื่องบ้า ๆ ได้หากว่ามันทำให้สนุกไปกับคน ๆ นี้
“จะแต่งงานต้องมีชุดนะ”
ชายหนุ่มตัวสูงเอนหลังพิงพนักโซฟาโดยอัตโนมัติเมื่อคนขี้ยั่วนั่งคร่อมทับตักเขาพร้อมโอบรอบคอจนใบหน้าเข้าใกล้กันก่อนจะจูบเบา
ๆ แล้วผละออกมาสบตา
“อยากแต่งตอนไหน พูดสิ”
“พรุ่งนี้บ่ายแก่ ๆ เป็นไง
แต่งเสร็จตกดึกผมก็จะให้คำตอบคุณ หลังจากนั้นก็แยกทางกัน”
“เลือดเย็นอะไรขนาดนั้น ไหนล่ะเวลาฮันนีมูน?” ชานยอลฟาดสองมือลงบนก้นกลมพลางขยำเนื้อที่แน่นเต็มมือ
“อ่า จริงด้วยสิ
เราจะแต่งงานกันเพราะอยากฮันนีมูนที่นี่นี่นะ...” แบคฮยอนกวาดสายตาไปโดยรอบ
“ผมอนุญาตให้คุณเลื่อนเรื่องคำตอบเป็นวันมะรืนได้”
“คุณควรพูดว่า ‘อยู่กับผมต่ออีกสักคืนได้ไหมที่รัก’
มากกว่าประโยคนั้นนะ?”
“ถ้าพูดแล้วจะยอมอยู่เหรอ?” ทั้งคู่คลอเคลียปลายจมูกกันและกัน
หยอกล้อ เล่นกับความรู้สึกอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากที่เฉียดไปมา พร้อมสะโพกซึ่งบดเบียดเข้าหาจนร่างกายแนบชิดไร้ช่องว่าง
“พูดเร็ว...”
ชานยอลยิ้มขำเสียงกระซิบที่แฝงความเอาแต่ใจเล็ก ๆ
ก่อนจะตวัดเอวคอดเพื่อกระชับกอดให้แนบแน่นยิ่งขึ้นเป็นการบอกว่าต่อให้แบคฮยอนคิดจะชิ่ง
เขาก็คงไม่ยอมให้ไปไหนทั้งนั้น
“อยู่กับผมอีกสักอาทิตย์เถอะที่รัก”
“ผมบอกให้พูดแค่หนึ่งคืน”
“แต่ผมอยากฟัดคุณนานกว่านั้น หยวนให้หน่อยน่า”
พูดจบก็จูบไหปาร้า ก่อนจะค่อย ๆ
เลื่อนไปตามลำคอจนหยุดอยู่ข้างหูคนตัวเล็ก “แค่หนึ่งคืนคุณสำรวจบ้านหลังนี้ไม่เสร็จหรอก
เชื่อผมสิ”
“ชานยอล ผมไม่ใช่นักสำรวจ”
แบคฮยอนเอี้ยวหน้าหันไปสบตากับเจ้าของแววตาเจ้าชู้
“งั้นก็เป็นเมียผมอย่างเดียว ว่าไง?”
“จะเป็นเมียปาร์คชานยอลต้องทำอะไรบ้าง?”
“อ้าขาเก่ง ๆ ก็พอ นอกนั้นช่างแม่ง”
“ง่ายไปไหม ผมทำได้มากกว่าที่คุณบอกอีกนะ”
ถูกใจ อยากได้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับใครสักคนอย่างนี้
ใครสักคนที่รู้ทันและทำให้ปาร์คชานยอลยอมโอนอ่อนให้หลังจากเป็นฝ่ายเอาแต่ใจตัวเองมาตลอด
“อยู่กับผม แบคฮยอน”
“สองวัน”
“จากเจ็ดเหลือสองเนี่ยนะ อย่างน้อยก็ห้าเถอะทูนหัว”
ชายหนุ่มทำหน้าเหยเก ให้ตายเถอะว่ะ สองวันจะไปทำห่าอะไรได้
แค่นอนก็กินเวลาไปสิบสองชั่วโมงแล้วไหม?
“สอง”
“ที่รัก”
คนตัวเล็กชูสองนิ้วขึ้นมาเพื่อย้ำว่าบยอนแบคฮยอนมีเวลาให้เขาเพียงเท่านั้น
“รีบไปไหน มีงานต้องเคลียร์หรือไง?” ชานยอลแลบลิ้นรับนิ้วทั้งสองที่คนตัวเล็กกำลังดุนเข้ามาในปาก
“ใช่ งานใหญ่แบบที่คุณรับผิดชอบไม่ไหวเลยล่ะ” แบคฮยอนยิ้มพอใจขณะมองนิ้วตนเองที่ถูกโลมเลีย
ดูดดุนจนฉ่ำไปด้วยน้ำลายคล้ายว่ามันคือส่วนนั้นที่อยู่ใต้กางเกง
“มันจะใหญ่สักแค่ไหนกัน?”
“เล็กกว่าไอ้นั่นของคุณนิดนึง แต่ก็ -- สองวัน” แบคฮยอนยังคงสนุกกับการต่อรอง และเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมไปก่อน
แล้วค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้เจอกันอีกหลังจากนี้
คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเข่าขณะสบตากับคนใต้ร่าง สองมือไขว้กันพลางถอดเสื้อให้อีกฝ่ายเห็นว่าร่องรอยที่สร้างไว้บนรถมันชัดแค่ไหนเมื่อผิวขาวกระทบแสงสว่างจากหลอดไฟในบ้านหลังนี้
โอเค ช่างแม่งไปก่อน เพราะตอนนี้เรื่องของเลขสองที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นน่าสนใจกว่าเป็นไหน
ๆ
ชานยอลผิวปากมองสองมือที่ลูบไล้ผิวตัวเองขณะบดสะโพกเบียดความเป็นชายใต้กางเกงของเขา
พร้อมขยับริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นถามเบา ๆ ว่า
‘ตรงนี้หรือริมน้ำ?’
ชานยอลปลดเข็มขัดกางเกงพลางรูดซิปลง
ควักความเป็นชายออกมาให้พ้นจากความคับแน่นให้คนตัวเล็กรู้ผ่านความแข็งของมันว่าเขาพร้อมสำหรับรอบสองมากแค่ไหน
บยอนแบคฮยอนรู้จักเขาน้อยเกินไป คิดว่าถ้าเลือกทำตรงไหนแล้วจะจบตรงนั้นงั้นหรือ
ค่ำคืนนี้ไม่สั้นขนาดนั้นหรอกนะ
“ใส่ตรงนี้ เดี๋ยวพาไปเสร็จริมน้ำ”
TBC
ตอนหน้าจบแร้วนะคะ สำหรับ SF เรื่องเน้
อยู่ในห้องสอบสวนไปก่อน ตอนหน้าจะพาเข้าคุกรัว ๆ
สองซีนเลย
เริ่มจากฉากเปิดในตอนจบ แร้วก็กลาง ๆ ตอน
รอไหวไหม ถ้ารอไม่ไหว กรีดร้องในแท็ก #insaneCB
ให้ผู้คุมดูหน่อยคร้า
ตอนแรกเดาไว้ว่าตอนนี้มีแน่นวล
ตอบลบสรุปมีเกริ่นไว้นำตอนหน้า
แถมสองคนนี้ต่างคนต่างเหมือนดูท่าทีกัน... นี่คิดลึกไปเองรึเปล่าไม่รู้
เดาไม่ถูกเลยว่าจะยังไงต่อไป
รอจ้า
ตอบลบบอกเลยว่าคาดหวังอ่านก่อนนอนก็คือตาแตกกรี๊ดดดดดดด
ตอบลบ