OS : TRAP
CHANYEOL x BAEKHYUN
( ภาคต่อ HATE Link : http://goo.gl/4lMEB0 )
( ภาคต่อ HATE Link : http://goo.gl/4lMEB0 )
ทั้งที่เห็นกับตาว่าข้างหน้าเป็นกับดัก
แต่ปาร์คชานยอลก็ยังโง่เดินเข้าไป
“อะ... ชานยอล... แรงไปแล้ว... อ๊า! ส... ชานย--!”
ร่างกายยังคงเคลื่อนไหวไปตามแรงอารมณ์ที่คนสองคนร่วมกันจุดขึ้น
ส่วนแข็งขืนยังคงครูดไปกับช่องทางอุ่นร้อนที่บีบรัดไว้ทุกขณะ
อีกทั้งกายหอมซึ่งมีกลิ่นเหงื่อปะปนอยู่ มันทั้งยั่วเย้า ชวนให้หลงใหล
เขาชอบกลิ่นนี้... กลิ่นของคิมมินซอกซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ย้ำบอกว่าปาร์คชานยอลนั้นรอดพ้นจากกับดักของใครอีกคนที่เขาไม่สามารถลบออกจากหัวไปได้
แม้แต่ตอนกระทั้นกายเข้าออกอย่างหนักหน่วงเพื่อพาตนเองและอีกฝ่ายไปให้ถึงฝั่งฝัน
ตอนพี่มินซอกใช้ปาก ผงกศีรษะเข้าออกอย่างรู้จังหวะ... เขาก็ยังมองเห็นเป็นบยอนแบคฮยอน… มองเห็นคน ๆ
นั้นที่ชอบเล่นกับความรู้สึกของเขา
RRRRrrrr!!!
“อะ... อืม!”
คนตัวเล็กมองไปยังสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างเตียง มันสั่นเรียกร้องความสนใจอยู่อย่างนั้นมาราว
ๆ สามครั้งแล้ว หากแต่คนเป็นเจ้าของกลับไม่สนใจใยดีมันเลยสักนิด
มินซอกคิดว่าแฟนรุ่นน้องคงไม่ได้หลงใหลร่างกายเขาถึงขนาดเพิกเฉยเสียงเจ้าปัญหาที่ยังคงสั่นครืดบนโต๊ะ
เดาเอาเองจากการร่วมรักที่มีแต่ความรุนแรงเพื่อไปถึงจุดสุดยอดโดยปราศจากการเล้าโลมแบบที่คนรักเขาทำกัน
ชานยอลเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลามาหาเขาที่บ้านโดยไม่ได้นัดล่วงหน้า
พอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าเด็กนี่ก็แค่ถอดเสื้อและรวบตัวเขาไปจูบ
ซึ่งนั่นคงไม่ใช่การให้คำตอบที่เคลียร์สักเท่าไหร่
“ชานยอล... อะ... รับก่อนดีไหม?”
คนตัวสูงยังไม่ตอบ
หนำซ้ำยังจับตัวเขาพลิกให้หันหลังจนต้องเอี้ยวหน้าหันไปดูว่าจะเอายังไง แต่เจ้าเด็กนั่นก็ยังคงสอดใส่เข้ามาอย่างเอาแต่ใจ
ก้มหน้าหลับตากระแทกกายเข้ามาซ้ำ ๆ จนเขาทนไม่ไหวต้องเอื้อมไปหยิบมาดู
“พี่ซูโฮ”
คนตัวเล็กพลิกหน้าจอให้อีกฝ่ายดู ครางแผ่วและหายใจอย่างติดขัดกับการพยายามประยุงร่างตนเองไม่ให้ทรุดลงไปกับผืนเตียง
“รับเถอะ เผื่อมีธุระด่วน พี่ขี้เกียจฟังเวลานายหงุดหงิด”
“...”
คนถูกขัดจังหวะขมวดคิ้ว
ไม่บ่อยนักหรอกที่มินซอกจะเป็นต้นเหตุเจ้าของสีหน้าไม่พอใจนั่น นอกเสียจากเพื่อนในมหาลัยสักคนที่เจ้าตัวอ้างถึงทุกครั้งเวลาโมโห
แต่กลับไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร
ชานยอลคว้าสมาร์ทโฟนไว้อย่างไม่เต็มใจนักแล้วถอนกายออก
มินซอกกัดริมฝีปากล่างพลางหลับตาแน่นกับความเสียววาบที่บ่งบอกว่าทุกอย่างหยุดลงแล้ว
ใช่ว่าจะอยากให้เป็นแบบนี้เสียเมื่อไหร่ แต่การเอาแต่คว้าหาความสุขแล้วทิ้งเรื่องอื่นไว้ข้างหลัง
มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะรู้สึกดี
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำ
หยุดยืนอยู่หน้ากระจกใสบานใหญ่แล้วถอนหายใจ ตอนนี้เสียงเงียบไปแล้ว
และคาดว่าอีกไม่กี่วินาทีคนเป็นพี่ชายก็คงโทรมาอีก ซึ่งเขาก็คาดเดาไว้ไม่ผิด
“ครับ”
( ทำอะไรอยู่ ทำไมรับสายช้า )
“ผมไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์น่ะ
ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่า?”
( แหงอยู่แล้ว จำที่พี่บอกได้ไหมว่าแบคฮยอนจะจัดงานวันเกิดที่บ้านวันนี้
พี่เลิกงานช้าเลยรีบไปซื้อของขวัญ แต่ดันลืมไปเอาเค้กที่สั่งไว้
ยังไงนายช่วยไปรับแทนพี่ทีได้ไหมชานยอล? )
“ให้ทางร้านไปส่งสิ ผมไม่ว่าง”
( ได้ไงกัน
ที่พี่ถามวันนั้นก็ไม่เห็นนายบอกว่าติดธุระนี่? เถอะน่าชานยอล
วันเกิดแบคฮยอนปีนึงมีแค่ครั้งเดียว มันก็ถูกที่ให้พนักงานขับรถมาส่งได้
แต่ถ้าจะให้พิเศษ ก็ต้องเป็นคนที่บ้านสิ พี่พูดถูกไหม? )
คนที่บ้านงั้นเหรอ...?
( เราสองพี่น้องอยู่กับแบคฮยอนมาตั้งนานแล้ว
มันจะมีสักกี่คนที่ให้เราอาศัยอยู่ด้วยโดยไม่ตั้งคำถามว่า ‘เมื่อไหร่จะย้ายออกไป’
น่ะ เพราะงั้นพี่ขอเถอะนะชานยอล พี่อยากให้เขายิ้มในวันเกิดตัวเอง )
เด็กหนุ่มไม่ได้แย้งอะไรอีก ไม่แม้แต่จะขานตอบในลำคอเพื่อทำให้พี่ชายแท้
ๆ สบายใจกับเรื่องที่เป็นปัญหาระดับต้น ๆ ในชีวิตของเขา ชานยอลยืนนิ่ง
แนบหูกับโทรศัพท์พลางมองไปยังร่างเปลือยเปล่าของตนเองที่อยู่ในกระจก
พร้อมนึกไปถึงความย้อนแย้งในใจที่ปั่นป่วนหัวเขามาตลอดทั้งวัน
ใจหนึ่งก็เกลียดจนไม่อยากกลับไปเจอหน้า
แต่อีกใจก็อยากเห็นว่าวันนี้เจ้าของวันเกิดมีความสุขมากแค่ไหน
เสียงของพี่ชายยังคงกรอกเข้ามาในสาย
พร้อมประโยคเกลี้ยกล่อมให้น้องชายติดเพื่อนกลับบ้านไปแสดงความยินดีให้กับรุ่นน้องของตนเองบ้าง
ใช่ ชานยอลอยากให้พี่ซูโฮคิดยังไงก็ได้
เพราะอย่างน้อยมันก็คงดีกว่าการให้รู้ความจริงว่าผู้ชายคนนี้พ่ายแพ้ให้กับกลลวงของบยอนแบคฮยอนทุกครั้งโดยไม่มีข้อแม้
“เข้าใจแล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
*
สระว่ายน้ำรายล้อมไปด้วยชายหญิงที่กำลังสนุกไปกับเสียงเพลงและเครื่องดื่มมึนเมาในมือ
บรรยากาศรอบข้างถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีสันและรอยยิ้มของผู้มาร่วมงานวันเกิดทั้งเพื่อน
รุ่นพี่ และรุ่นน้อง
ชานยอลไม่ชอบที่ ๆ มีคนเยอะ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหยุดยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ก้าวขาเข้าไปในบ้านที่อาศัยอยู่มานาน
เสียงกรีดร้องตามมาด้วยเสียงน้ำในสระที่กระเซ็นออกไปข้างนอกเมื่อมีคนกระโดดลงไป
ชานยอลคิดว่ามันเป็นเรื่องบ้าบอที่จะชวนคนมากมายมาที่นี่
ดื่มกันจนเมาแล้วเล่นน้ำในสระเหมือนปาร์ตี้ของเด็กวัยรุ่นฝั่งตะวันตก และสุดท้ายคนที่ต้องคลานออกมาถือถุงดำเก็บซากขยะรอบบ้านทั้งที่ยังแฮงค์อยู่ก็คงไม่พ้นเจ้าบ้าน
และแน่นอนว่านั่นคงไม่ใช่บยอนแบคฮยอน
สายตาพลันไปเห็นคนที่อยู่ในความคิด ซึ่งก็คาดไว้ไม่มีผิด
บนใบหน้าเจ้าเล่ห์ของคนตัวเล็กนั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ซึ่งเขาอยากจะตามพี่ซูโฮมาดูให้เห็นกับตาจริง ๆ ว่าแบคฮยอนมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีไอ้เค้กโง่
ๆ ก้อนนี้
รอบข้างเต็มไปด้วยผู้ชายหน้าตาดี
ซึ่งมีหนึ่งคนที่เขาเคยเห็นมาส่งหน้าบ้านครั้งสองครั้งตอนคนตัวเล็กขับรถเองไม่ไหว
ซึ่งปาร์คชานยอลไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าความหวังดีตอนตีสองในวันนั้น
กับแววตาที่มองบยอนแบคฮยอนตอนนี้มันไม่ได้จบลงแค่คำว่าเพื่อน
ไม่อยากยอมรับว่าหึง แต่สัจธรรมของมนุษย์แล้วคงไม่มีใครรู้สึกยินดีถ้าเห็นคาตาว่าคนที่เล่นกับความรู้สึกตัวเองกำลังเล่นหูเล่นตาอยู่กับชายอื่น
แบคฮยอนก็เป็นเสียอย่างนี้ ชอบปั่นหัวให้เขาหงุดหงิด
แล้วก็ทำเหมือนว่าทุกอย่างมันเป็นความผิดของปาร์คชานยอลที่ไม่ยอมรับรักเอง
“อ้าว มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ?”
พี่ซูโฮยังคงอยู่ในชุดทำงาน
ซึ่งเขาคิดว่าพี่ชายผู้แสนดีคงไม่ทำร้ายจิตใจเจ้าของวันเกิดด้วยการเสียเวลาขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อแต่งตัวให้มันเข้ากับธีมงานวันเกิดเหมือนคนอื่น
ๆ แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน
แต่เหตุผลคงต่างกันหน่อยตรงที่ปาร์คชานยอลแค่จงใจแสดงออกให้เห็นว่า ‘ไม่ได้สนใจ’
“ผมเอามาแล้ว เรียบร้อยใช่ไหม?” เขายื่นกล่องเค้กให้ ซึ่งพี่ชายก็แกะออกเพื่อเช็กดูความเรียบร้อย
“นายได้เขียนการ์ดอวยพรหรือเปล่า?”
“ไม่ ต้องเขียนด้วยเหรอ?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว
สบตากับพี่ชายที่มองมาราวกับว่าเขาพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
“ถ้าไม่เขียน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเค้กก้อนนั้นเป็นของพี่น่ะ” สองพี่น้องหันไปตามต้นเสียง ก่อนจะพบรอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าของวันเกิด
แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ชานยอลก็เลือกที่จะหลบสายตาไป
“โธ่ ฉันอุตส่าห์จะเซอร์ไพรส์นายสักหน่อย”
“เสียใจด้วย ผมเห็นเข้าให้แล้ว” แบคฮยอนหัวเราะ กอดแขนรุ่นพี่คนสนิทพลางมองไปยังเด็กหนุ่มตัวสูง
“ชานยอลลืมเขียนให้น่ะ ขอโทษด้วยนะ
พี่สั่งให้เขารีบมาเอง”
น่าตลกเหลือเกินที่พี่ซูโฮออกหน้ารับแทนและพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงความไร้สาระ
ซึ่งความจริงแล้วแบคฮยอนอาจจะไม่สนใจเค้กโง่ ๆ ก้อนนี้เลยด้วยซ้ำ
“แต่ผมอยากได้นะ ทำไงดี?”
“คนให้เยอะแล้ว ไม่ได้การ์ดอวยพรจากเราแค่ใบเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับ”
เขาไม่ควรพูดออกมาเลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ
ตอนนี้ปาร์คชานยอลรู้สึกว่าได้ทำเรื่องผิดพลาดอันใหญ่หลวงลงไป เพราะเห็นว่าตอนนี้สายตาของอีกฝ่ายที่มองมา
และรอยยิ้มที่ราวกับจะบอกว่า ‘นายติดกับพี่แล้วล่ะ ชานยอล’
“ไม่เป็นไร ไม่มีก็ไม่มี”
บ้าเอ๊ย...
“เพราะผมรู้ว่าวันนี้คงได้อะไรดี ๆ
จากชานยอลมากกว่าการ์ดอวยพรอยู่แล้ว”
เด็กหนุ่มยืนนิ่ง ปล่อยให้อีกคนรับกล่องเค้กที่เปิดฝาไว้ไปโดยไม่โต้ตอบอะไรกลับสักคำ
ใช่ ถ้าเลือกได้เขาก็อยากจะอยู่เฉย ๆ มากกว่าเดินตามเกมที่อีกฝ่ายวางไว้
บยอนแบคฮยอนเป็นคนร้ายกาจแค่ไหน... ปาร์คชานยอลรู้ดีที่สุด
“...!!!”
“อ้าว?!”
ซูโฮเบิกตาโพลง เมื่ออยู่ ๆ เค้กที่รุ่นน้องถือไว้ก็คว่ำหกใส่จนเลอะเชิ้ตสีน้ำเงิน
คงมีแค่คนมองโลกในแง่ดีอย่างพี่ชายเขาเท่านั้นที่คิดตามไม่ทันว่านั่นมันเป็นแผนของคนตัวเล็ก
มากกว่าแรงโน้มถ่วงของโลกที่ทำให้เค้กในกล่องคว่ำ
นั่นน่ะ... บยอนแบคฮยอนจงใจดันมันจนคว่ำใส่เสื้อตัวเอง
“ยังไม่ได้เป่าเทียนเลย
ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ล่ะ”
ซูโฮมองเค้กที่เลอะอยู่บนเสื้อรุ่นน้องอย่างเสียดาย
ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายที่คงรู้สึกไม่ต่างกันนัก
“ผมแค่อยากลองชิมดูเอง ให้ตายสิ”
ซูโฮเม้มริมฝีปาก
สบตากับคนตัวเล็กอีกครั้งพลางถอนหายใจ บ้าไปแล้ว! พี่ชายเขาดูไม่ออกจริง ๆ หรือไงว่าแบคฮยอนกำลังเสแสร้งแค่ไหนกับละครฉากนี้
“ผมไม่น่าดื่มเยอะเลย
ขอโทษนะพี่ซูโฮ ผมมันแย่ ทั้งที่พี่กับชานยอลตั้งใจให้เค้กผมแท้ ๆ”
“ไม่เป็นไรน่า
นายรีบไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่า จะได้ลงมาสนุกกับเพื่อน ๆ ต่อ”
“ไม่มีเค้กก้อนนี้
ก็ยังมีของคนอื่นอีก ก็ไม่รู้ว่าจะทำท่าเหมือนเสียดายไปทำไม”
พูดจบปาร์คชานยอลก็อยากตบปากตัวเองอีกครั้ง เพราะเห็นรอยยิ้มเล็ก
ๆ บนใบหน้าแบคฮยอนซึ่งคงมีแค่เขาที่มองเห็น
ราวกับว่าอีกฝ่ายได้ใจทุกครั้งที่ได้ยินเขาพูด และมันงี่เง่าสิ้นดี
“ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อ พี่รอเดี๋ยวนะ”
“อืม ล้างหน้าล้างตาด้วยนะ
จะได้สดชื่น” ซูโฮยังคงแสดงความเป็นห่วงเป็นใยมาจนถึงตอนนี้
ซึ่งคนเป็นรุ่นน้องก็ยิ้มและพยักหน้ารับ
“ชานยอล”
“...”
“พาพี่ไปหน่อยสิ”
คำพูดและแววตาที่มองมานั้นปกติจนคนอื่นคงไม่รู้สึกได้ถึงเจตนาเบื้องลึก
อีกทั้งแขนเล็กที่ยกขึ้นเพื่อรอรับความช่วยเหลือจากเขาต่อหน้าพี่ชาย ชานยอลมองดวงหน้าซึ่งยังคงมีรอยยิ้ม
เด็กหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เมา และเขาไม่—
“ไปสิชานยอล
พยุงแบคฮยอนเข้าไปในบ้านหน่อย”
เขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเปล่าที่พี่ซูโฮไม่เคยรู้เรื่องนี้
เด็กหนุ่มมองหน้าพี่ชายที่ไม่รับรู้ถึงแผนการของบยอนแบคฮยอน ซึ่งเขาควรจะทำอะไรสักอย่าง
“มานี่”
ซูโฮเบิกตาอย่างตกใจ กับการเห็นว่าน้องชายแท้ ๆ
ของตนคว้าแขนคนตัวเล็กให้เดินไปด้วยกันซึ่งนั่นคงไม่เรียกว่าการพยุง ชายหนุ่มถอนหายใจเบา
ๆ ทั้งที่พยายามให้ชานยอลเข้ากับแบคฮยอนได้แท้ ๆ
แต่ดูเหมือนว่าความหวังของเขายังคงริบหรี่
*
ประตูห้องเก็บของใต้บันไดถูกปิดลงก่อนแผ่นหลังคนตัวเล็กจะชนกับผนังไม้จนเกิดเสียง
แบคฮยอนนิ่วหน้าเล็กน้อยพลางช้อนตามองคนตัวสูงที่ยังคงโทสะเพียงเพราะเห็นหน้าเขา
ซึ่งขอโทษทีที่มันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ควรจะเป็น
กลับกันแล้วคนตัวเล็กกำลังรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เห็นเงาตนเองในม่านตาของเด็กหนุ่ม
“เจ็บไปถึงหัวใจเลย”
“ผมไม่ตลก”
แบคฮยอนหลุดยิ้ม
ก่อนจะใช้นิ้วชี้กวาดเอาครีมเค้กบนเสื้อขึ้นมาชิม ชานยอลกำลังหงุดหงิด ใช่
เขารู้สึกอย่างนั้นเสมอขอแค่เป็นเรื่องของคนตัวเล็ก แต่เด็กหนุ่มก็เกลียดความย้อนแย้งของตัวเองที่เอาแต่มองตามลิ้นที่ออกมารับนิ้วตนเองและดูดเลียเอาจนครีมหายไป
“นายจงใจไม่อยู่บ้านในวันเกิดพี่”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
“ก็ไม่ทำไม วันอื่นอยู่ก็โอเค” คนตัวเล็กพูดอย่างไม่ยี่หระ พลางกวาดเอาครีมบนเสื้อขึ้นมาชิมอีกครั้งและดูดนิ้วจนสะอาด
เขากำลังหัวเสียตอนเห็นว่าริมฝีปากสีเชอร์รี่กำลังขยับพูดแบบไม่มีเสียงว่า
‘อร่อยจัง’ ซึ่งนั่นคงไม่ได้หมายถึงเค้ก
“พอใจแล้วใช่ไหม”
“พอใจ?”
“ผมอยู่ที่นี่แล้ว ตรงหน้าพี่
ตามที่พี่ต้องการ”
คนฟังแสร้งปั้นหน้ารู้สึกผิด
ก่อนจะวางมือลงบนแผงอกแกร่งแล้วลูบขึ้นไปจนถึงซอกคอ ชานยอลหลุบสายตาลง
พยายามไม่ใส่ใจมารยาของคนตัวเล็กที่งัดมาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่คนที่รู้ดีที่สุดว่าได้ผลหรือไม่นั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นบยอนแบคฮยอนที่รู้จักร่างกายปาร์คชานยอลดีกว่าคิมมินซอกเสียอีก
“รู้ด้วยเหรอว่าพี่ต้องการอะไร?”
“...”
“ที่มาเพราะหงุดหงิด
หรือเพราะต้องการพี่เหมือนกันล่ะ เด็กน้อย?”
เสียงของแบคฮยอนเหมือนผู้ชนะ
หลังจากกระชากปาร์คชานยอลให้กลับมาอยู่ในจุดเดิมได้ในที่สุด แม้ว่าจะพยายามวิ่งหนีไปให้ไกลสักแค่ไหน
แต่ถ้าในหัวยังเอาแต่คิดถึงหน้าคนตัวเล็กแบบนี้ เขาก็คงหนีไม่พ้น
“ไปไหนมา หืม?”
ทำไมมีแค่เขาที่หัวเสียอยู่คนเดียว
ในขณะที่บยอนแบคฮยอนกำลังเอ่ยถามราวกับว่าเป็นห่วงเป็นใย
พร้อมมือที่โอบใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะเลื่อนไปคล้องรอบต้นคอ
“มีอะไรกับแฟน”
“ทั้งวันเนี่ยนะ?” คนตัวเล็กเลิกคิ้ว ก่อนจะเบ้ปากราวกับว่าไม่อยากใส่ใจ
“ผมจะทำตอนไหนก็ได้
ไม่เกี่ยวกับพี่อยู่แล้ว”
“ไม่เกี่ยวก็ได้ ก็แค่อยากรู้
ไม่ได้เหรอ?”
“ผมเคยห้ามพี่ได้ด้วยหรือไง?” เสียงของเขาเริ่มแผ่วลง ตามระยะห่างของใบหน้าที่ลดลงทีละนิด
กลิ่นของบยอนแบคฮยอนหอม และกำลังดึงดูดเขาให้จมไปกับความรู้สึกเดิม ๆ
“งั้นแสดงว่าตอนนี้ถ้าพี่จะทำอะไรสักอย่าง...” คนตัวเล็กกัดริมฝีปากล่าง ก่อนจะเขย่งขาขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระซิบข้างหูเด็กหนุ่ม
“นายก็จะไม่ห้ามใช่ไหม?”
“ไม่ห้าม”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบ แบคฮยอนก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ กระทั่งอีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมากระซิบบ้าง
“แต่ผมจะไล่พี่ไปนอนกับไอ้ซื่อบื้อลูกครึ่งคนจีนนั่น”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก
คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะละใบหน้าออกมาเล็กน้อยเพื่อสบตากับอีกฝ่าย
สายตาของชานยอลยังเต็มไปด้วยความหงุดหงิด หัวเสีย เหมือนกับเด็กถูกแย่งของเล่น
และเขาชอบที่จะเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้
“ไม่ต้องไล่ก็ทำไปแล้ว”
“...”
เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น
หัวใจเต้นแรงขึ้นเพราะโทสะที่ไม่รู้เลยว่าจะมีวิธีไหนหยุดได้
ร่างสูงกัดฟันกรอดทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากตัวปัญหาที่เอาแต่ปั่นหัวไม่หยุด
พยายามตั้งสติว่าอย่าไหลไปตามเกมของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายคนที่แพ้ก็คือเขา
“อื้ม...”
คนที่เริ่มต้นจูบเร่าร้อนนี้คือปาร์คชานยอล
คนที่ปากบอกว่าขยะแขยงและเกลียดบยอนแบคฮยอนนักหนา เสื้อที่เลอะเค้กเพราะแผนการบ้า
ๆ ของคนตัวเล็กกำลังถูกแย่งกันปลดกระดุมด้วยมือของเขาและเจ้าตัวทั้งที่ยังคงแลกจูบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
เสียงลมหายใจปะปนกับเสียงแขนขาที่ไปชนกับอุปกรณ์ในห้องแคบ
ๆ หากแต่กลิ่นอับของมันกลับกลบกลิ่นหอมบนกายขาวของแบคฮยอนไปไม่ได้เลยสักนิด เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับซอกคอขาวที่เชิดขึ้นอย่างเต็มใจ
สูดดมกลิ่นหอมอย่างหลงใหลและเกลียดชังก่อนจะใช้ฟันขบอย่างมันเขี้ยวที่ทำให้หึงไม่เข้าท่า
เชิ้ตสีน้ำเงินตัวปัญหาถูกโยนทิ้งไปที่ไหนในห้องแคบคงไม่มีใครอยากสนใจ
เพราะตอนนี้คนตัวเล็กกำลังย่อตัวลงช่วยเด็กหนุ่มปลดหัวเข็มขัด ก่อนจะร่นหัวกางเกงควบชั้นในของเขาลงจนท่อนเอ็นร้อนดีดผึงออกมาจนเกือบฟาดปากเข้าให้
ชานยอลหายใจผิดจังหวะกับความต้องการที่ปะทุขึ้นได้ง่าย
ๆ เพียงเพราะว่าคนตรงหน้าคือแบคฮยอน
แก่นกายแข็งขืนกระตุกเป็นระยะเชิญชวนให้ริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่เอาแต่พูดยั่วโมโหให้อมเข้าไป
แบคฮยอนจงใจเอียงใบหน้าเพื่อให้มองเห็นได้ชัด ๆ
ว่ารู้จักปาร์คชานยอลดีกว่าคนอื่นแค่ไหน ซึ่งเด็กหนุ่มก็คงไม่เถียง
กับการใช้ลิ้นและมือไปพร้อม ๆ กันขณะดูดดุนตั้งแต่ส่วนหัวมนไปจนถึงส่วนโคน
ผงกศีรษะถี่รัวจนปากเยิ้มไปด้วยน้ำลายนั่นน่ะ พี่มินซอกยังไม่ขยันทำให้แบบนี้เลย
เด็กหนุ่มซี๊ดปากอย่างซ่านเสียว
ยืนเกร็งตัวพลางสวนสะโพกเข้าหาความอุ่นในโพรงปากเป็นระยะ พร้อมสบตากับคนเจ้าเล่ห์ที่น่าจับมากระแทกให้ครางจนคนข้างนอกได้ยินเสียจริง
“ชอบมากใช่ไหม” ชานยอลคว้ากลุ่มผมคนตัวเล็กไว้หลวม ๆ
พูดลอดไรฟันกับโทสะที่คงไม่หายไปง่าย ๆ
หลังจากรู้ว่าแบคฮยอนนอนกับไอ้งั่งนั่นมาแล้ว “อย่าเอาปากออกล่ะ
ผมจะเสร็จในปากพี่ เผื่อไอ้เวรนั่นจะรู้ว่าปากที่มันอยากจูบเคยกลืนอะไรลงไป”
คนฟังไม่สะทกสะท้าน กลับกันแล้วปากเล็ก ๆ
นั่นยังยิ้มขณะผงกศีรษะเข้าหาความยาวของท่อนเอ็นร้อนอีก ชานยอลเงยหน้าขึ้นซี๊ดปาก
ครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ก่อนจะโยกสะโพกเข้าหาความสุขสมในจังหวะเร็วขึ้นกระทั่งปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมาในที่สุด
เด็กหนุ่มหอบหายใจ กระตุกกายอยู่สองสามครั้งก่อนจะก้มมองผลงานตนเอง
เขาเกลียดแบคฮยอนที่ไม่เคยยอมแพ้ และบอกเขาด้วยสายตาว่ายังไงฝ่ายชนะก็คือคนตัวเล็ก
ชานยอลมองน้ำขาวขุ่นที่ไหลออกมาจากปากสีเชอร์รี่จนต้องใช้ลิ้นกวาดเข้าไป
เขาเกลียดที่อีกฝ่ายแสดงออกทางสีหน้าว่าชอบและอยากได้มันอีก
คนตัวเล็กหยัดตัวลุกขึ้นยืน ยิ้มให้กับความพ่ายแพ้ของปาร์คชานยอลเพียงครู่เดียวก่อนจะรั้งท้ายทอยเขาลงไปจูบ
เด็กตัวสูงไม่ได้นึกถึงรสชาติเฝื่อนลิ้นที่ได้รับเลยสักนิด
เมื่อตอนนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือจูบที่เร่าร้อนซึ่งมาพร้อมมือเล็ก ๆ
ที่ชักรูดท่อนเอ็นที่เพิ่งปลดปล่อยไปจนมันแข็งขืนขึ้นอีกครั้ง
เสียงหายใจติดขัดของทั้งคู่สอดประสานกันจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร
ชานยอลคงบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่เลือกถอดกางเกงคนตัวเล็กลงแล้วดันนิ้วกลางกับนิ้วชี้เข้าไปเปิดทางแทนที่จะผลักอีกฝ่ายแล้วออกไปจากตรงนี้
“อื้อ... อื้อ...”
เสียงครางในลำคอกับสะโพกกลมน่าฟาดโยกสู้นิ้วที่ขยับเข้าออกในจังหวะถี่เร็ว
เขาไม่อยากรออะไรทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้อีกฝ่ายรู้สึกดี
เขาอยากให้แบคฮยอนรู้สึกแย่ได้สักเศษเสี้ยวของเขาบ้าง
“จูบแบบนี้สงสัยคงไม่เหลืออะไรไปถึงอี้ฝานแล้วมั้ง”
“ชื่อไอ้เวรนั่นเหรอ
อยากตายใช่ไหมถึงยั่วโมโหผมตอนนี้?”
แบคฮยอนยิ้มขำ พลางคว้าต้นคอแกร่งไว้เมื่อร่างของเขาถูกช้อนขึ้นนั่งบนโต๊ะไม้ที่ชานยอลกับพี่ซูโฮเป็นคนยกมันมาเก็บไว้ในนี้
ขาเรียวยกขึ้นพร้อมแยกออกต้อนรับความคุ้นเคย
สายตามองไปยังแท่งร้อนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยเบื่อที่จะลิ้มลอง
เขารักทั้งเด็กคนนี้ แล้วก็รัก... ไอ้นั่นด้วย
“อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ไม่บอก
คราวหลังลองพาคนอื่นเข้ามาในนี้ดีไหมนะ อ๊ะ!”
แบคฮยอนรู้ว่าเด็กนี่ไม่ชอบถูกยั่วโมโห แต่ห้ามได้ที่ไหนกัน
ชานยอลไม่ชอบให้พูดดี ๆ หรอก
เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่แฟนสุดที่รักอย่างคิมมินซอกเถอะ
รู้สึกเสียววาบตรงหน้าท้องทันทีที่แท่งร้อนขนาดใหญ่สอดใส่เข้ามา
เด็กตัวสูงไม่เคยอ่อนโยนหรือจูบปลอบสักครั้ง
ซึ่งนั่นก็คงเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายเกินไป
แบคฮยอนยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเพื่อการสอดใส่ที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น
เขาอยากให้ชานยอลปลดปล่อยความหงุดหงิดทั้งหมดที่มีต่อเขาออกมา
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น... เด็กคนนี้ก็จะไม่มีเวลาไปคิดถึงใครได้อีก
“อา... อา... ชานยอล”
“อ... อย่าเรียกชื่อผม... อืม...”
คนตัวเล็กปรือตามองคนขี้โมโหที่กำลังกระทั้นกายเข้ามาจนได้ยินเสียงหยาบโลน
ทั้งคู่สบตากันนิ่งซึ่งบยอนแบคฮยอนก็ไม่ชอบขัดใจเด็กเสียด้วยสิ
“อี้ฝาน... อ๊ะ!”
“...”
ถ้าคนตัวเล็กคิดจะปั่นหัวให้เขาเป็นบ้าล่ะก็
ได้ผลแล้ว...
ชานยอลกัดฟันกรอดก่อนจะกระชากแขนอีกฝ่ายให้ลงจากโต๊ะจนเกือบเสียหลักชนกับผนัง
แต่ดีที่ยั้งมือไว้ได้ทัน แบคฮยอนจึงโก่งสะโพกแล้วหันไปสบตากับอีกฝ่าย
“มาสิอี้ฝาน... ปล่อยเข้ามาในนี้”
ไม่ว่ายังไง
ปาร์คชานยอลก็ไม่สามารถเอาชนะคนเจ้าเล่ห์อย่างบยอนแบคฮยอนได้
เรื่องนี้เขาควรรู้ได้แล้ว เด็กหนุ่มจับท่อนเอ็นร้อนที่เต็มไปด้วยความต้องการ ถูไถกับร่องสะโพกอยู่ในทีก่อนจะสอดใส่เข้าไปในช่องทางที่ขมิบรับอย่างเชิญชวน
“อี้ฝาน... อา... อา...
เสียวจัง...”
“พี่อยากตายคามือผมจริง ๆ ใช่ไหม?”
คนตัวเล็กหอบหายใจหนัก
ยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะรับเรียวนิ้วที่คนอายุน้อยกว่ายัดเข้ามาในปากอย่างเต็มใจ
ใช้ลิ้นกวาดเลีย... ดูดดุนราวกับเป็นท่อนเอ็นที่เพิ่งเสร็จในปากเมื่อครู่
พร้อมขมิบรับแท่งร้อนในช่องทางด้านหลังไปด้วย
สะโพกสอบกระแทกเข้าออกอย่างไม่ปรานี
ชานยอลไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเวลาหึงมักจะรุนแรงกว่าตอนถูกบังคับให้นอนด้วยกันเป็นไหน
ๆ เอ... จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ใช่ ต้องบอกว่าชวนแล้ว
แต่ระหว่างนั้นก็ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นตัวจนพอใจก่อนถึงจะถูก
“อย่า... นอนกับมันอีก”
“อะ! อ๊า! อ๊ะ! ...อื้อ!”
“ได้ยินที่ผมพูดไหม แบคฮยอน”
เรียวนิ้วที่ฉ่ำไปด้วยน้ำลายเหนียวเลื่อนลงไปบีบกรามให้คนตัวเล็กหันมาสบตากัน
แบคฮยอนปรือตามอง กวาดลิ้นเลียเอาน้ำลายที่เลอะขอบปาก ก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่าย
หลังจากได้ยินคำตอบ
สะโพกสอบก็ดันส่วนแข็งขืนเข้าไปจนมิดด้ามซ้ำ ๆ จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
มันดังก้องในห้องเก็บของแคบ ๆ แต่ทั้งคู่กลับไม่มีใครกังวลว่าจะมีคนผ่านมาได้ยินเข้าหรือไม่
แบคฮยอนขยับขาเล็กน้อยพร้อมใช้นิ้วแหวกก้นออกเพื่อให้แท่งเอ็นร้อนสอดใส่เข้ามาได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น
ชานยอลก้มลงมองก้นขาวก่อนจะฟาดมือลงไปจนอีกฝ่ายหลุดเสียงร้องออกมา
ก้นขาวที่ขึ้นริ้วแดงนั้นไม่เคยเข็ดหลาบ
แบคฮยอนยังคงหมุนสะโพกเพื่อเพิ่มอรรถรสให้เซ็กส์ของเราเร่าร้อนยิ่งขึ้น...
ไม่มีเสียงเรียกชื่อผู้ชายอื่นอีกแล้ว
ตอนนี้มีเพียงชื่อของเขาที่หลุดออกมาจากปากเล็กนั่นพร้อมคำลามกที่ขอให้ทำแรง ๆ
ชานยอลคือไอ้ขี้แพ้
ที่ความจริงแล้วคู่แข่งนั้นไม่ใช่บยอนแบคฮยอน
แต่กลับเป็นจิตใจของเขาเองทั้งนั้นที่พยายามหลบหนีมาตลอด หลอกตัวเองว่าไม่ต้องการ
หลอกตัวเองว่ารักคิมมินซอก หลอกตัวเองว่าเกลียดแบคฮยอน
ทุกอย่างมันเป็นเรื่องบ้าบอที่เขาทำตัวเองทั้งนั้น
เด็กหนุ่มปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในช่องทางที่รัดรึงส่วนนั้นของเขาไว้จนวินาทีสุดท้าย
เสียงหอบหายใจของเราทั้งคู่คงดังกว่าเสียงเฮฮาของเพื่อนฝูง รวมไปถึงเพลงอีดีเอ็มหรืออะไรก็ตามที่อยู่ด้านนอก
ชานยอลยังไม่ยอมถอนกายออก
และเขารู้ว่าแบคฮยอนชอบให้อยู่อย่างนี้ เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับแผ่นหลังขาวซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ
ก่อนจะหลับตาลงเมื่อรู้สึกได้ถึงมือเล็กที่เอื้อมขึ้นมาลูบแก้มเขาเบา ๆ
คนตัวเล็กเลิกคิ้วเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหยัดตัวขึ้น
หากไม่เอาแก่นกายออกแล้วลงไปคว้าเสื้อผ้ามาใส่อย่างที่ควรจะเป็น แต่เด็กตัวสูงกลับค่อย
ๆ ดึงแท่งร้อนออกจนเกือบหลุดแล้วดันเข้าไปอีกครั้ง
จนเขารู้สึกเสียววาบตรงช่วงท้องอย่างบอกไม่ถูก
“อะ... อา”
แบคฮยอนกัดปากจนเลือดห้อ
ความซ่านเสียวจากเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกำลังถูกสานต่อด้วยท่อนเอ็นซึ่งแข็งตัวอีกครั้งเป็นรอบที่สาม
มือแกร่งค่อย ๆ ลูบไปตามก้นขาว บีบเค้นอย่างเต็มมือก่อนจะเลื่อนไปหยุดที่แก่นกายคนตัวเล็ก
กอบกุมพร้อมขยับรูดเบา ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้น
คนอายุมากกว่าเอี้ยวหน้าหันไปหวังจะอ่านใจอีกฝ่ายผ่านทางแววตา
แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นจูบร้อนซึ่งผ่อนความรุนแรงลงจนน่าประหลาดใจ
แววตาคู่นั้นยังคงแข็งกร้าว แต่การกระทำนั้นตรงข้าม
น่าแปลกใจเหลือเกินที่ชานยอลกำลังอ่อนโยน แต่แบคฮยอนก็ไม่กล้าฟันธงหลงระเริงว่าจะเป็นแบบนี้ได้เกินห้าวินาที
เด็กหนุ่มกระแทกกายเข้ามาอีกครั้ง ซอยสะโพกไม่ยั้งจนน้ำที่คั่งค้างข้างในทะลักออกมาจนเปรอะซอกขา
แบคฮยอนอ้าปากครางไม่เป็นภาษา เสียวจนหลับตาแน่นและใช้สองมือยันผนังไว้เป็นหลัก
เขารู้สึกร้อนวูบวาบตรงช่องทางด้านหลังที่ยังอวดดีขมิบรับอย่างไม่ยอมแพ้ มันทั้งเสียวและแสบไปพร้อม
ๆ กัน ยิ่งตอนได้ยินเสียงกระซิบของคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
ก็ทำเอาคนฟังลอบยิ้มอย่างห้ามไม่ได้
“รอบนี้ผมให้เป็นของขวัญวันเกิด
แต่ถ้ายังไม่พอใจ ก็ไล่ไอ้ลูกครึ่งนั่นกลับบ้าน แล้วเราไปต่อกันที่ห้องของพี่”
END
การอวยพรวันเกิดศิลปินแบบคนบาปก็ทำกันอย่างนี้แหละค่ะออนนี่
*นอนยิ้มเย็น*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น