ต่อจากลิงก์นี้ค่า >> https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1015157&chapter=119
เสื้อฮู้ดสีเทาถูกถอดออกจากศีรษะจนเผยให้เห็นผิวขาวสะอาด
คนใต้ร่างยังคงขลาดอายกับเรื่องที่เราไม่เคยคุ้นชินกับมัน หัวใจยังคงเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะซึ่งชานยอลคงรู้ถึงได้จับมือเขาขึ้นทาบหน้าอกข้างซ้ายของตน
ก้อนเนื้อที่อยู่ข้างในนั้นช่างเต้นแรงเหลือเกิน
และอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นฝ่ายเดียวถึงได้จับมือของเขาขึ้นไปจูบเบา ๆ จนหัวใจของเราเต้นแข่งกันถ้าหากว่ามีใครต้องการเป็นผู้ชนะ
แบคฮยอนมองเงาตนเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
แววตาที่มองมาราวกับอยากบอกให้เชื่อว่า ‘ผมไม่ใช่ปาร์คชานยอลคนเดิมอีกแล้ว’
โลกยังคงหมุนไป ผีดิบด้านนอกยังคงส่งเสียงโอดครวญเพราะความหิวโหย
มนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ยังคงดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอด และแบคฮยอนตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือกับผู้ชายคนนี้โดยไม่เป็นฝ่ายวิ่งหนีไปไหนอีก
“ชานยอล”
“ครับ?”
“ผม...”
‘คุณเคยรักผมบ้างไหม?’
‘คุณไม่อยากได้ยินคำตอบหรอกครับ’
“รักคุณได้ใช่ไหม?”
แม้จะถูกความกลัวในอดีตเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่บยอนแบคฮยอนก็อยากถามมันออกไปอีกครั้งเพื่อย้ำกับตัวเองว่าสิ่งที่ชานยอลพูดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนมันจะเป็นเรื่องจริง
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบให้โล่งใจในทันที ทั้งคู่จึงสบตากันเพื่อปล่อยให้คาดเดาเอาเองว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกยังไงอยู่
ผ่านไปกี่วินาทีแบคฮยอนก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ และรอยยิ้มของผู้ชายอย่างปาร์คชานยอลก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาในระดับหนึ่ง
“คุณควรบอกว่า ‘ผมเองก็รักคุณเหมือนกัน’ มากกว่านะครับ”
“...”
“เพราะผมจะไม่ถามกับสิ่งที่รู้สึกไปแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเข่า
ถอดเสื้อแขนยาวออกและตามด้วยเสื้อยืดสีดำด้านในจนเปลือยท่อนบน โดยที่ดวงตาคู่นั้นยังคงไม่ละห่างจากเด็กอย่างบยอนแบคฮยอน
มันยังคงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเราอยู่ดีถ้าหากว่าการร่วมรักครั้งนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม
เสียงหัวเข็มขัดกระทบกัน เสียงหัวใจที่เต้นจนผิดจังหวะ
แบคฮยอนกำลังปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป และรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดถอดกางเกงตนเองออก
“กอดผม” เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่
ไม่ว่าจะคำขอเมื่อครู่หรือการถอดกางเกงด้วยตัวเอง
เพราะสิ่งที่แบคฮยอนต้องการในเวลานี้คืออ้อมกอดอุ่น ๆ
ที่มาจากความรู้สึกจากใจของชานยอลเท่านั้น
คนตัวสูงถอดกางเกงพร้อมเขี่ยจนตกปลายเตียงก่อนจะโน้มลงไปมอบความมั่นใจให้อีกฝ่าย
ถ้าเทียบกับที่เคยเกิดขึ้นสองครั้ง ตอนนี้คงเป็นครั้งแรกที่เขากอดแบคฮยอนด้วยความรักไม่ใช่เพราะความหึงหวง
เราจูบและผละออกมาสบตากัน ทำอย่างนั้นซ้ำ ๆ
อย่างไม่รู้จักเบื่อ ชานยอลเป็นคนสร้างรอยแผลไว้ในใจเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก มันสะสมมานานเหลือเกินจนเขาอยากเติมเต็มความรักให้จนกว่าแผลเป็นเหล่านั้นจางหายไป
ความเจ็บจากเล็บที่ฝังลงบนหัวไหล่คงไม่เท่าความเจ็บจากนิ้วที่ชำแรกเบิกทางเข้าไป
แบคฮยอนส่งเสียงอู้อี้ติดขัดยามอีกฝ่ายเกร็งข้อมือย้ำซ้ำ ๆ
จนต้องโอบใบหน้าคมมาจูบเพื่อให้ลืมความเจ็บ ชานยอลหอบหายใจกับความต้องการที่เริ่มพุ่งสูงแต่ต้องหักห้ามใจไว้
ทว่าสีหน้าเหยเกที่มาพร้อมเสียงครางของคนตัวเล็กก็ช่างปลุกปั่นอารมณ์เขาเสียเหลือเกิน
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างที่เผยอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขางอนิ้วกระแทกเข้าไปอีกไม่กี่ครั้งก่อนจะดึงออกแล้วลุกขึ้นยืนเข่า
มองร่างเปลือยเปล่าที่มีภาพซ้อนของเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา
แต่ตอนนี้มันต่างออกไป... บยอนแบคฮยอนที่เคยร้องไห้กำลังปรือตามองเขาพร้อมหอบหายใจ
ความเป็นชายเสียดสีกับช่องทางด้านหลังที่ฉ่ำไปด้วยน้ำหล่อลื่น
ชานยอลเลียริมฝีปากพร้อมยกสะโพกกลมขึ้นเพื่อให้อยู่ในท่วงท่าที่เหมาะสมก่อนจะค่อย
ๆ ดันส่วนแข็งขืนเข้าไป ชายหนุ่มขบกรามกับความคับแน่นจนแทบขยับต่อไม่ได้
มันทั้งอุ่นและตอดรัดจนอยากขอให้แบคฮยอนอดทนหน่อยเพราะเขาอยากดันเข้าไปให้สุดในครั้งเดียว
“อ๊ะ!”
รีบยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงคราง
คนตัวเล็กไม่กล้าลืมตาอีกเพราะทนเห็นร่างเปลือยเปล่าของอีกคนเคลื่อนไหวระหว่างขาตนเองไม่ได้
มันอันตรายเกินไป เขากลัวจะระเบิดตัวตายไปเพราะความขลาดเขินในเวลานี้
“แบคฮยอน...”
“...”
“ลืมตามองผมครับ”
เสียงหอบใกล้หูชวนให้ต้องหดคอลง แบคฮยอนค่อย ๆ
ลืมตาขึ้นขณะที่ร่างกายกำลังโยกไหวไปกับแรงส่งที่อีกคนเป็นฝ่ายชักนำ
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าคนตัวสูงนั้นต่างไปจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีความเย็นชาหลงเหลืออยู่เลยสักนิด ไม่มีความรุนแรงที่มาเพราะความต้องการ
เพราะตอนนี้บยอนแบคฮยอนสัมผัสได้แต่ความอ่อนโยนที่ชานยอลมอบให้
“ห้องคุณ... เก็บเสียงได้ไหม?”
“อ่า... ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน
ผมไม่เคยทำเสียงดังในบ้านหลังนี้เสียด้วยสิ”
จู่ ๆ แบคฮยอนก็หน้าแดงจัดเพราะคำตอบของอีกฝ่าย
คนตัวเล็กยกมือปิดหน้าตัวเองกับคำถามโง่ ๆ
ที่ควรรู้ได้เองว่าชานยอลมาบ้านหลังนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้น
“กลัวอื่นได้ยินเหรอ?”
“...มันก็น่ากลัวไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ชายหนุ่มยิ้ม
ก่อนจะประคองคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นนั่งทับตักตนเองทั้งที่ส่วนนั้นยังคงเชื่อมต่อกันอยู่
แบคฮยอนวางสองมือลงบนไหล่กว้าง มองใบหน้าหล่อได้รูปที่มีตอหนวดขึ้นมาจนทำให้ลุคคุณชายหายไป
“แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ไหล่ผมยังว่างนะ”
คนตัวเล็กขมวดคิ้วก่อนจะรีบโอบต้นคอแกร่งไว้เป็นหลักเมื่ออยู่
ๆ ชานยอลก็เริ่มขยับอีกครั้ง แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างกับความเสียวซ่านที่เข้ามาแทนความเจ็บปวด
สะโพกของเขากำลังเด้งรับความแข็งขืนที่เข้ามาจนสุดความยาวจนต้องซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง
ฝังคมเขี้ยวลงไปเพื่อกลั้นเสียงครางที่อาจทำให้คนอื่น ๆ ตื่นได้
“อา... แบคฮยอน”
เขินจนจะตายอยู่แล้ว... การเรียกชื่อเขาอย่างนั้นพร้อมสูดปากตอนจังหวะขยับสะโพกไปด้วยนั่นน่ะ
ชานยอลคิดจะทำให้เขาตายคาอกจริง ๆ ใช่ไหม
คนตัวเล็กผละออกมาสบตากัน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มบดสะโพกหาความเป็นชายที่เข้ามาอย่างล้ำลึกจนหลายครั้งต้องนิ่วหน้าเพราะความเสียวซ่าน
แบคฮยอนเสยผมที่ปรกหัวคิ้วอีกคนออก มองใบหน้าหล่อให้ชัด ๆ
เพื่อย้ำกับตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้มันคือเรื่องจริง
ไม่ใช่แค่ความฝันหรือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นว่าสักวันหนึ่งเราจะกอดกันด้วยความรัก
ทั้งแววตา... ความรู้สึก... และน้ำเสียงตอนเรียกชื่อ...
ทุกอย่างที่เป็นปาร์คชานยอลมันให้ความรู้สึกจริงกว่าที่เคยผ่านมา
50%
เขียนลามกมากไม่ได้
คู่นี้ต้องเน้นฟามรุ้สึกและฟามหลังเยอะ ๆ ฮือๆๆๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น