ต่อจากลิงค์นี้จ้า :: http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1488240&chapter=14
“อะ... อื้อ... เซม...”
“ว่าไงตัวดี
โดนมอมทีถึงกับยืนไม่ตรงเลยเหรอหื้ม?”
เสียงแหบพร่ามาพร้อมลมหายใจร้อน ๆ
ที่รดลงบนซอกคอนั้นยังไม่ปั่นป่วนร่างกายเท่ากับมือใหญ่ที่สอดเข้ามาในกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่
แบคฮยอนเชิดหน้ากัดริมฝีปากล่างแน่น
ผ่อนลมหายใจร้อนซึ่งเกิดจากเพราะพิษเหล้าและปล่อยให้คนตัวโตที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังจัดการกับร่างกายเขาจนกว่าจะพอใจ
เราห่างหายเรื่องแบบนี้กันไปนานแค่ไหนแล้ว
แบคฮยอนคิดถึงสัมผัสนี้เหลือเกิน
ยิ่งตอนเมาจนเหมือนจะสติหลุดอย่างนี้ก็ยิ่งมีอารมณ์ มันยากที่จะหยุด
แต่ก็ใช่ว่าในหัวของเขาจะมีคำ ๆ นั้นอยู่เสียเมื่อไหร่
ไหนจะเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ถอดแต่ก็เหมือนยืนโป๊ต่อหน้าอีกฝ่ายอีก
คนตัวเล็กกำลังจะบ้าตายเพราะมือใหญ่ในกางเกงและลิ้นอุ่น ๆ ที่กำลังไล้เลียหูเขา
“เซม... อืม...”
ถึงแบคฮยอนจะโดนพวกเพื่อนชั่วมอมจนเกือบน็อก
แต่เด็กตัวแสบก็ยังมีเรี่ยวแรงตอบโต้ได้อย่างไม่ยอม ชานยอลครางเสียงต่ำในลำคอ
หลับตาขบฟันลงบนไหล่บางที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา
เมื่อมือเล็กที่เคยยันผนังสีขาวเลื่อนมาขยำเป้ากางเกงของเขาจนมันพองนูน
“เราไม่ได้ทำกันเป็นครั้งแรกจริง ๆ
ด้วย” ชายหนุ่มยกยิ้ม
พร้อมดึงกางเกงขาสั้นคนตรงหน้าลงจนเห็นก้นอวบน่าฟาดให้ขึ้นริ้วแดง
ตอนนี้เพื่อนทั้งสี่คนกำลังชนแก้วและพูดคุยเรื่องสมัยยังเป็นหนุ่มอย่างออกรส
ในขณะที่แบคฮยอนขอแยกมานอนก่อนเพราะเริ่มเมาจนนั่งอยู่ในวงเหล้าต่อไปไม่ไหว
ส่วนเขาก็ถือโอกาสอ้างคำว่าพี่ชายข้างบ้านเพื่อแสดงความเป็นห่วงเป็นใย
จึงแยกตัวออกมาอีกห้องได้โดยไม่มีใครอยากตั้งคำถามในจังหวะที่กำลังเมากันได้ที่
เขาทนมองแบคฮยอนตอนกำลังเมาไม่ได้
ร่างกายมันชักจะอยู่ไม่สุข
“อยากรู้ไหมว่าเราเคยทำอะไรกันบ้าง?”
คนตัวเล็กที่กำลังพูดจาแก่แดดทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่าเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วหรือเพราะกำลังเมากันแน่
แต่ไม่ว่ายังไงแบคฮยอนก็ปลุกอารมณ์ดิบของผู้ชายอย่างเขาจนเครื่องติดเตรียมพร้อมจะทำเรื่องลามกได้ทุกเมื่อ
ชานยอลผ่อนหายใจออกหนัก ๆ
พลางก้มลงมองคนตัวเล็กที่กำลังโก่งสะโพกเข้าหาเป้ากางเกงซึ่งพองนูนเต็มที่
ก่อนจะใช้นิ้วชี้เกี่ยวเอวยางยืดลงจนท่อนเอ็นแข็งขืนของเขาดีดผึงออกมาฟาดก้นกลม
แบคฮยอนย่อตัวลงนั่งยอง ๆ
พร้อมใช้สองมือประคองแก่นกายใหญ่โตที่กระตุกทักทายอยู่ตรงหน้า
คนตัวเล็กแลบลิ้นออกมาแตะตรงส่วนหัวก่อนจะอมเข้าไปและใช้ลิ้นตวัดเลียรอบแก่นกายจนได้ยินเสียงซี๊ดปากจากคนตัวสูง
“อา... ลึกอีกสิ... อืม... ดี...
ซี๊ด...”
เด็กหนุ่มผงกศีรษะเข้าออกอย่างเนิบนาบก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร่งจังหวะเร็วขึ้น
ชานยอลจับศีรษะทุยไว้พร้อมสวนสะโพกเข้าหาโพรงปากอุ่นที่กำลังมอบความสุขให้กับเขา
ยิ่งเห็นตอนริมฝีปากกลืนมันเข้าไปจนเกือบถึงโคนก็ยิ่งเสียว
เด็กตัวแสบนี่คือนังตัวดีที่มีชีวิตจริงชัด ๆ
ยิ่งตอนช้อนตามองสบตาแล้วแลบลิ้นเลียตามความยาวของท่อนเอ็น
ชานยอลก็ยิ่งมีอารมณ์จนต้องกระทั้นกายเข้าไปซ้ำ ๆ
สุดท้ายทนไม่ไหวจึงชักมันออกมาแล้วดึงแขนแบคฮยอนให้ลุกขึ้น
คนตัวเล็กกวาดเลียเอาน้ำลายเข้าปาก
พร้อมใช้มือข้างหนึ่งยันผนังห้องเอาไว้แล้วโก่งสะโพกให้เมื่ออีกฝ่ายพร้อมสำหรับความเร่าร้อนที่ใกล้จะมาถึงแล้ว
แบคฮยอนยังคงโทษว่าที่เขาแก่แดดแบบนี้ก็เป็นเพราะเซม...
ทั้งที่เราควรจะจูบกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่ควรเป็น เมื่อเราต่างก็โหยหากันและกันอย่างนี้
“อะ... อา...”
แบคฮยอนนิ่วหน้ากัดริมฝีปากล่าง
รู้สึกวูบวาบไปทั้งกายเมื่ออีกฝ่ายกำลังเอาท่อนเอ็นร้อนถูไถกับร่องก้นและเสยมันขึ้นลงจนน้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มออกมาจากส่วนปลาย
อดไม่ไหวจึงขยับสะโพกตอบโต้
ชานยอลขบกรามแน่น
มองร่างของคนตรงหน้าซึ่งอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยน่าย่ำยี
แบคฮยอนยั่วเขามาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา แต่เรากลับแค่มองตากันแล้วจบความต้องการเพียงเท่านั้น
แม้แต่วินาทีนี้... เจ้าตัวก็ยังส่งสายตาท้าทายเขา
ซึ่งปาร์คชานยอลคงไม่ทำตัวเป็นพี่ชายข้างบ้านที่แสนดีอีกต่อไป
“อื้ม... อ๊ะ... เซม... เซมจ๋า...
อื้อ... ดีจัง...”
นั่นคือเสียงของเด็กแก่แดดตอนที่นิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาดันเข้าไปในช่องทางด้านหลัง
ข้างในนั้นมันทั้งร้อนและตอดรัดแน่นจนเหมือนว่าไม่อยากปล่อยให้หลุดออกไป
ชานยอลรู้สึกเหมือนกำลังจะคลั่งเข้าไปทุกที
เพียงเพราะอยากสอดใส่แก่นกายที่มันแข็งตึงเข้าไปในรูรักซึ่งขมิบรัดยั่วยวนอย่างไม่สิ้นสุด
“ชอบแบบนี้หรือเปล่าหืม?”
“ชอบ... อะ... อื้ม!” คนตัวเล็กเอี้ยวหันไปสบตากับคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
ปรือตามองคนที่รักทั้งใจก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างอยู่โน้มต้นคอแกร่งลงมาจูบเป็นครั้งแรกหลังจากรอเวลานี้มานาน
จูบของเซมยังคงหวานเหมือนเดิม
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆที่ไม่ว่าใครก็คงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้
เด็กหนุ่มกำลังจะสำลักความสุขออกมา
ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางกายและใจซึ่งเกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนนี้ทั้งนั้น
ชานยอลเข้าใจแล้วว่านี่ก็ไม่ใช่จูบแรกของเราเหมือนกัน
ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นกับริมฝีปากและลิ้นเล็กที่พยายามไล่ต้อนผู้ใหญ่อย่างเขาให้จนมุม
ชายหนุ่มเกร็งนิ้วที่อยู่ในช่องทางด้านหลัง กระแทกเข้าไปซ้ำ ๆ
เพราะอยากได้ยินเสียงครางหวานของคนตรงหน้า
เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะน่าย่ำยีได้ขนาดนี้เลยหรือไง?
ชานยอลหอบหายใจหื่นตอนถอนนิ้วออกมาและพบว่าแบคฮยอนเองก็ไม่ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มทุกอย่าง
นังตัวดีเวอร์ชั่นเด็กผู้ชายนี่เหลือเกินจริง ๆ ยิ่งตอนกัดริมฝีปาก
โก่งสะโพกงอนแล้วจับท่อนเอ็นจ่อตรงรูรักของตัวเองน่ะ
น่ากัดก้นเป็นบ้า...
“อะ... อื้อ!
อะ... อะ!”
ในหัวขาวโพลนไปหมดเมื่อเขาค่อย ๆ
ดันแก่นกายเข้าหาความอุ่นร้อนในช่องทางรัก ชานยอลขบกรามแน่นพร้อมคว้าเอวคอดไว้มั่น
กระทั่งสอดใส่เข้าไปจนสุดความยาว
เขาจึงเงยหน้าดูท่าทีของคนตัวเล็กว่ายังไหวหรือไม่
ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นสีหน้าแดงก่ำซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเพราะพิษเหล้าและความต้องการเขาที่เราคงมีไม่แพ้กันเลย
“ยืนไหวหรือเปล่า?”
“ถึงพรุ่งนี้ก็ยังไหว... อ๊า! เซม! เดี๋ยวสิ! อื้อ! อ๊ะ!” แบคฮยอนร้องเสียงหลง
หลังจากอวดเก่งไปแล้วได้รับความแข็งขืนที่กำลังดันเข้าออกจนสุดโดยไม่ทันได้ตั้งตัวกลับคืนมา
ร่างกายบิดเร่าเพราะความเสียวซ่านที่โหยหามานาน
คนตัวเล็กอ้าปากครางหวิว
ขยับสะโพกตอบรับความใหญ่โตที่สอดใส่เข้ามาไม่หยุดจนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องหู
ซึ่งมันน่าฟังกว่าเสียงชนแก้วจากห้องข้าง ๆ เป็นไหน ๆ
“ดีไหม... ซี๊ด...”
“อื้อ! ดี...
ดีจัง... อา... เซม... เซมจ๋า”
ชายหนุ่มจับคนตัวเล็กหันหน้ามา
ก่อนจะอุ้มขึ้นลอยกลางอากาศซึ่งอีกฝ่ายก็รู้งานรีบคว้าต้นคอเขาไว้เป็นหลักในทันที
ชานยอลอยากทำเรื่องลามกและจูบคนตรงหน้าไปด้วย
แบคฮยอนก็ดูเหมือนจะอ่านใจออกอีกนั่นแหละถึงได้เอามืออีกข้างจับแท่งร้อนจ่อที่ช่องทางรักตนเอง
เขาจึงดันเข้าไปในรวดเดียว และประคองคนในอ้อมแขนขึ้นลงรับความแข็งขืนเข้าไปจนสุด
ร่างกายยังคงโยกไหวไปตามจังหวะ
ขณะที่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงมองกันและกันอย่างหลงใหล
ชานยอลเลื่อนเข้าไปจูบแบคฮยอนซ้ำ ๆ เพื่อให้ทุเลาความคิดถึงที่ตกตะกอนอยู่ในใจ
แม้ว่าสมองจะจำไม่ได้ว่ามันเคยจดจำอะไรเกี่ยวกับคนตรงหน้าไว้บ้าง
“พอมองใกล้ ๆ
แล้วเซมของผมหล่อจัง...”
เสียงหอบกระเส่าของคนตัวเล็กในอ้อมแขนนั้นทั้งน่าฟังและน่ากัดริมฝีปากให้หายมันเขี้ยวในเวลาเดียวกัน
ชานยอลเพียงยิ้มขำขณะที่ส่วนแข็งขืนยังคงถลำลึกเข้าหาความเสียวซ่านในช่องทางที่ตอดรัดไม่หยุด
“ชอบคนหล่อเหรอ
งั้นเป็นแฟนกันไหมล่ะ”
“ขอคบตอนทำเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ
ให้ตาย... วาดการ์ตูนมาตั้งหลายเรื่องเคยเข้าใจคำว่าโรแมนติกบ้างไหม?” แบคฮยอนมองค้อนปนขำ มือข้างหนึ่งกอดรอบคอแกร่งไว้เป็นหลัก
ส่วนอีกข้างเสยกลุ่มผมสีเข้มขึ้นแล้วจูบลงบนหน้าผากซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ
“เซมของหนูวาดแต่เรื่องลามก
เพราะงั้นพูดตอนที่ทำเรื่องลามกอยู่มันก็ถูกต้องแล้วนี่”
ชานยอลพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะปล่อยอีกคนลงบนพื้นแล้วจับให้หันหน้าเข้ากับประตูห้อง
แบคฮยอนถอนหายใจยาว
โก่งสะโพกยั่วยวนคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนจะหลับตาแน่นเมื่อความใหญ่โตถูกสอดใส่เข้ามาอีกครั้ง
ชายหนุ่มขบกรามแน่นคว้าเอวคอดไว้เป็นหลัก
ซอยสะโพกเข้าออกถี่รัวจนได้ยินเสียงน้ำหล่อลื่นน่าฟัง ปะปนกับเสียงครางไม่เป็นภาษาของคนตัวเล็กที่กระตุ้นอารมณ์ดิบของเขาอย่างต่อเนื่อง
ชานยอลจับขาขวาอีกฝ่ายขึ้นพาดท่อนแขน
เพื่อให้ช่องทางอุ่นร้อนรับแท่งเอ็นเข้าไปจนสุดความยาว
ท่านี้เพิ่มความเสียวซ่านให้เราทั้งคู่จนประตูสั่นคลอนจากแรงกระแทก
ชายหนุ่มยังคงไม่หยุด เขายังคงไสกายเข้าไปซ้ำ ๆ พร้อมเงยหน้าขึ้นซี๊ดปากกับความสุขสมในชีวิต
ที่ห่างหายไปนาน
“อะ! อ๊า! เสียวจัง! อะ... อื้ม!”
กระทั่งน้ำสีขาวขุ่นแตกทะลักออกมาในจังหวะที่ถอนออก
มันเลอะร่องก้นและเสื้อผ้าของเราแต่ชายหนุ่มก็ยังดันมันเข้าไปใหม่และกระแทกเข้าไปซ้ำ
ๆ จนได้ยินเสียงน้ำคลอในช่องทางที่ยังคงตอดรัดไม่ถอย
ชานยอลยังคงมีอารมณ์แม้ว่าจะปลดปล่อยออกไปแล้วและแบคฮยอนเองก็เช่นกัน
“จากใจนะ
กูว่ากูเคยเจอหน้าเด็กแบคฮยอนนั่นมาก่อนแน่ ๆ”
จงอินยังคงไม่ถอดใจจากเรื่องนี้ง่าย ๆ
ชายหนุ่มผิวแทนว่าด้วยสีหน้าจริงจังพลางกรึ๊บเหล้าขณะที่คนอื่น ๆ เองก็ยกซดประหนึ่งสามล้อถูกหวย
ยกเว้นบาทหลวงที่นั่งกินกับแกล้มอย่างเงียบ ๆ เพราะเป็นคนมีศีลธรรมในใจ
“ถึงกูจะไม่อยากเห็นด้วย
แต่กูก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันว่ะ แม่งเป็นความรู้สึกที่แบบ... เคยเจอที่ไหนวะ...” จะว่าเจอในการ์ตูนของไอ้ชานยอลก็ไม่เชิง แต่มันก็มีสิทธิ์เป็นไปได้
เพราะฉะนั้นจงแดจึงไม่อยากฟันธง
“หลวงพ่อ มึงมีสติดีสุดตอนนี้
ไหนลองวิเคราะห์ซิว่าพวกกูสองคนอุปทานแบบดูโอ้กันอยู่หรือเปล่า?” จงอินหันไปถามคนของศาสนาที่นั่งทับส้นเท้าอยู่ข้างตัว
ซึ่งจุนมยอนก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“พ่อก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
นี่พูดแบบคนที่แค่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์น่ะนะ”
“แล้วถ้าเคยเจอจริง ๆ
จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตพวกพี่วะผมอยากรู้”
คนเป็นน้องเล็กโพล่งถามขึ้นมาอย่างหาเรื่อง
“มึงไม่รู้สึกคุ้นบ้างเหรอวะเซฮุน?”
“ไม่รู้ดิ ผมเมา 55555555555555555555555555” พูดจบก็ระเบิดหัวเราะออกมากึ่ง ๆ ตะโกนใส่หน้าจุนมยอน
ซึ่งบาทหลวงผู้ดวงซวยได้แต่มองด้วยแววตานิ่งเรียบและถามตนเองในใจว่าเซฮุนแค่กินเหล้าหรือว่าสูบม้ามากันนะ
“เฮ้ยจงอิน
กูยืมที่ชาร์จแบตหน่อยดิ มึงใช้แอนดรอยด์ใช่ปะ?”
จงแดหันไปถามคนที่ดูทรงจะคอแข็งสุดในตอนนี้
“เปล่า กูใช้ไอโฟน”
“แล้วพวกมึงมีใครใช้แอนดรอยด์บ้าง”
“พ่อเองจ้า”
จุนมยอนยกมือขึ้นด้วยท่าทางล่อตีนคนเมา จงแดจึงมองพลางถอนหายใจ
ก่อนจะแบมือออกพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงขอ
“กูขอยืมหน่อย”
“อยู่ในห้องล่ะ
เดี๋ยวพ่อไปเอาให้เองนะ ทุกคนนั่งกินอย่างสบายใจได้เลย
ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครในนี้ลำบาก พ่อเอง เดี๋ยวพ่อทำ”
จุนมยอนยกมือปรามแล้วลุกขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ
“ใครห่วงมึงเหรอกูอยากรู้” จงอินขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายที่เข้าข้างตัวเองอย่างไม่เจียมตัว
จุนมยอนจึงหุบยิ้มแล้วเดินออกไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องข้าง ๆ
“แบคฮยอน เปิดประตูให้พ่อหน่อย” พูดจบก็เคาะประตูสองครั้งตามมารยาท
ระหว่างนั้นคนของศาสนาก็ยืนยิ้มพร้อมประสานมือไว้ใต้หัวกางเกงก่อนจะริมฝีปากจะหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากข้างใน
กึ่ก ๆๆๆๆๆๆๆ
‘อ๊ะ! อ๊ะ! เซม! แรงอีก! อ๊า! ดีจัง!’
‘ชอบไหมแบบนี้... อา! อย่างนั้นแบคฮยอน ส่ายก้นของหนูอีกสิ... อา!’
กึ่ก ๆๆๆๆๆๆๆ
เดี๋ยว... พ่อว่ามันไม่ใช่
จุนมยอนยืนตาเหลือกโดยไม่สามารถขยับขาไปไหนได้
ตอนนี้เขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าเสียงประตูหรือเสียงหน้าของเขาที่มันสั่นแรงมากกว่ากัน
บาทหลวงหนุ่มเบะปากเหมือนคนจะร้องไห้
ก้มลงมองมืออันมีศีลธรรมของตัวเองว่าควรเคาะประตูเพื่อช่วยชีวิตคนใกล้แบตหมดอย่างจงแดหรือว่าจะขัดจังหวะการโอ้ลัลล้ากันอยู่หลังประตูดี...
“เฮ้ย ทำไมนานจังวะ?” จงแดโผล่หน้าออกมาจากประตู
ขมวดคิ้วอย่างหัวเสียมองคนของศาสนาที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องข้าง ๆ
“ไม่ได้แล้วล่ะจงแด พ่อทำไม่ได้”
“มึงทำไรไม่ได้”
“พ่อเข้าห้องไม่ได้...”
“มึงก็เคาะประตูสิวะห่าจิก
ไอ้ชานยอลก็อยู่ในนั้น” จงแดเริ่มมีน้ำโห
กูเมาแล้วเปรี้ยวตีนนะบอกก่อน สมัยเรียนมัธยมนี่จมตีนมานักต่อนักเพราะเสี้ยนมวย
“ใช่ ชานยอลอยู่ข้างใน... ข้างในแบบอินเซปชั่นด้วย...” เพราะตอนนี้ชานยอลคงเข้าไปอยู่ในตัวแบคฮยอน เข้า ๆ ออก ๆ อะ...
พ่อพูดไม่ด๊ายยยยย
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” จงอินกับเซฮุนตามออกมาสมทบเพราะได้ยินเสียงจงแด
ชายหนุ่มผิวแทนขมวดคิ้วมองบาทหลวงที่ทำหน้าเหมือนวันสิ้นโลกแล้วก็งง คือมึงเป็นไร
ไม่ได้แดกเหล้าด้วยเลยเฮิร์ทแอบมาร้องไห้ข้างนอกงี้เหรอ
กึ่ก ๆๆๆๆๆๆๆ
‘อ๊า! อะ! อ๊า! อ๊า!’
‘ยืนไม่ไหวแล้วเหรอหื้ม
งั้นไปต่อกันบนเตียงนะ’
‘อะ! อื้อ...
อุ้มหน่อย’
“...”
“...”
“...”
“...”
ทั้งสี่คนยืนหน้าแห้งอยู่หน้าประตูห้องข้าง ๆ
ที่ดูเหมือนว่าจะหยุดสั่นไปแล้ว คนเป็นบาทหลวงรีบถอดสร้อยกางเขนออกมากำไว้พร้อมสวดขับไล่ความหวาดกลัวในใจไปให้หมดสิ้นแต่ก็ไม่เป็นผล
ท่ามกลางความเติ่งของชายหนุ่มที่เหลืออีกสามคนซึ่งหันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“มึงว่ามึงควรเคาะประตูไหมวะพี่จงแด”
“เคาะสิ แบตกูจะหมดแล้วนะ
หรือว่ามีใครในนี้ใช้แอนดรอยด์บ้าง”
“เหมือนผมจะคุ้น ๆ
ว่าแบคฮยอนใช้นะพี่”
เซฮุนชะโงกหน้าออกมาซึ่งประโยคนั้นทำให้พวกเขามีหวัง
“แต่กระเป๋าแบคฮยอนอยู่ในห้องนี้นะรู้สึก” จงอินชี้นิ้วไปยังบานประตูที่เงียบสงบไปแล้ว
ก่อนบรรยากาศตรงทางเดินยาวจะเงียบกริบไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ
“กระเป๋าพ่อก็เช่นกัน”
จุนมยอนดับฝันทุกคนด้วยการย้ำว่าเขาและจงอินเป็นรูมเมทของแบคฮยอนในค่ำคืนนี้
และดูทรงว่าจะไม่ได้เป็นแล้ว
“...”
“...”
“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!! เปิดประตูสิวะ!!!!!!!!!!!!!
พวกมึงจะทำแบบนี้กับกูสองคนไม่ได้นะไอ้ชานยอล!!!!!!!!!!!!!
แบคฮยอนก็ด้วย!!!!!!!!!!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!!!!”
ทุกคนรีบล็อกตัวจงอินออกมาหลังจากที่เจ้าตัวพุ่งเข้าไปทุบประตูห้องอย่างบ้าคลั่ง
จุนมยอนใช้มืออันมีค่าปิดปากอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ส่งเสียงรบกวนแขกในชั้นนี้
เพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้าพวกเราถูกเฉดหัวไล่ออกจากโรงแรมไปจนต้องนอนโต้ลมกลางหาดทรายในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ
คนที่นอนฟัดกันอยู่บนเตียงผละออกจากกันพร้อมมองไปยังประตูห้อง
เสียงของคนด้านนอกยังคงดังเข้ามาให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ
แต่ชานยอลก็เลือกก้มลงไปฟัดซอกคอหอม ๆ ของคนตัวเล็กมากกว่าจะเปิดประตูต้อนรับใคร
แบคฮยอนอมยิ้ม ขยำกลุ่มผมสีเข้มของคนที่เริ่มสานต่อเรื่องที่ค้างไว้เมื่อครู่อีกครั้ง
ก่อนเราทั้งคู่จะหายเข้าไปในความมืดใต้ผ้าห่ม
เสียงหัวเราะเบา ๆ ตามด้วยจูบบนเตียงอุ่น ๆ
นั้นช่างเป็นอะไรที่ลงตัว เราจูบกันซ้ำ ๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อ
และไม่สนว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่มีใครพูดคำหวาน ๆ หรือคำสัญญาใด ๆ เพื่อเพิ่มความโรแมนติกให้กับบทรักในตอนนี้
เพราะแบคฮยอนได้รู้ความหมายกับสิ่งที่พยายามมาทั้งหมดตั้งแต่ตอนเดินจับมือกับอีกฝ่ายที่ริมทะเลแล้ว
‘เซม’
‘หืม?’
‘ลองบอกรักผมโดยไม่พูดคำว่ารักหน่อยสิ’
ตอนนั้นผู้ชายตัวโตเงียบไปครู่หนึ่งขณะทอดสายตามองไปยังหาดทรายเมื่อยามดวงตะวันใกล้ตกดิน
และมือของสองเรายังคงสอดประสานกันไว้โดยไม่มีใครคิดจะคลายออก
‘ได้สิ เซมจะบอกทุกวันเลย’
‘ยังไง?’
แบคฮยอนกำลังสนใจที่จะรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
เซมกำลังยิ้มอย่างมีความหมาย ก่อนจะหยุดเดินแล้วก้าวมาอยู่ข้างหน้าเขาแล้วย่อตัวลง
คนตัวเล็กจึงอมยิ้มแล้วขึ้นไปอยู่บนหลังอีกฝ่าย
‘นี่ไง
การบอกรักโดยที่ไม่พูดคำว่ารักของเซม’
‘ให้ผมขี่หลังเนี่ยนะ?’
แบคฮยอนหัวเราะ
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำหน้ายังไง จึงกระชับวงแขนกอดรอบคอคนตัวโตเอาไว้พร้อมซบหน้าลงไป
เพื่อให้ได้ยินประโยคหนึ่งที่ทำให้อบอุ่นไปทั้งหัวใจ
และได้เรียนรู้ว่าการบอกรักโดยไม่พูดคำว่ารักของผู้ชายคนนี้นั้นมีอยู่จริง
และเขารักคำตอบแบบนี้เหลือเกิน
‘เพราะการที่เซมยังมีชีวิตอยู่ในทุก
ๆ วันเพื่อหนู มันก็คือการบอกรักโดยไม่พูดคำว่ารักไงล่ะแบคฮยอน’
HAPPY ENDING
ในที่สุดฟิคเรื่องนี้ก็เดินทางมาจนถึงตอนจบแล้วค่ะ จากใจว่า...
ขอโทษที่กามนะคะ เราไม่ได้ตั้งใจ ตอนเขียนเหมือนโดนผีสิงเลยค่ะ แบบมือมันไปเอง ภาพมันไวมาก ขอโทษที่กามเกินไปนะคะ ช่วงนี้เข้าออกเว็บอโคจรบ่อยเกิน นังมลิน นังคลชั่ว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ แม้ว่าฟิคเรื่องนี้จะไร้สาระ แถมตอนจบยังทำให้งงเรื่องย้อนเวลาไปมาอีก 55555555555 ขอโทษเจง ๆ จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นน้า ขอให้ทุกคนใช้เวลาในปัจจุบันให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนะคะ
ขอโทษที่กามนะคะ เราไม่ได้ตั้งใจ ตอนเขียนเหมือนโดนผีสิงเลยค่ะ แบบมือมันไปเอง ภาพมันไวมาก ขอโทษที่กามเกินไปนะคะ ช่วงนี้เข้าออกเว็บอโคจรบ่อยเกิน นังมลิน นังคลชั่ว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ แม้ว่าฟิคเรื่องนี้จะไร้สาระ แถมตอนจบยังทำให้งงเรื่องย้อนเวลาไปมาอีก 55555555555 ขอโทษเจง ๆ จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นน้า ขอให้ทุกคนใช้เวลาในปัจจุบันให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนะคะ
หวังว่าฟิคสั้นเรื่องนี้จะให้อะไรพวกคุณบ้าง เราไม่ได้หวังว่าคุณจะได้สาระจากมัน แต่เราคิดว่าคุณน่าจะได้หัวเราะตอนอ่านช่วงแรก ๆ (เก้าตอนนั้นคือมารยา 555) แต่มันก็ต้องมีบ้างปะแหม ดราม่าก่อนจบงาย
บางอย่างเราตั้งใจสร้างมันให้ดูแฟนตาซี ปน ๆ กับบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค เลยทำให้มันดูไม่จริงบ้างอะไรบ้างนะคะ อย่างเช่นประเด็นแบคฮยอนเดินออกมาจากบ้านในตอนจบ แล้วบ้านดันประกาศขายเนี่ย กะจะให้เล่นเหมือนฉากในหนังอะ แบบวาร์ปแรงไรงี้ 555555 ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ รักนะ
**WARNING** พื้นที่โฆษณา
ใครอยากได้เล่มไปสะสมก่อน เราเอาไปขายในงานตลาดฟิคด้วยนะคะ บูธ D8-D9-D10 (จากเด็กที่เคยร่าเริง) ค่ะ เราเอาไปทั้งหมด 300 เล่ม ราคา 250.- บาทจ้า ส่วนคนที่ไม่ได้ไปแต่อยากเอาฟิคไปรองขาเก้าอี้ หรือตบแมงสาปเล่นก็สั่งซื้อได้ในรอบไปรษณีย์เด้อจ้า ราคา 280.- บาทรวมค่าจัดส่งแล้ว ปิดโอนวันที่ 20 ตุลานี้ และจัดส่งฟิคหลังจากนั้นประมาณ 7-10 วันนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยนะ ไม่ต้องรักเรามากก็ได้ ขอแค่รักแค่ตัวละครในฟิคเราก็ดีใจแล้ว <3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น